
เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยของเราติดกับดักรายได้ปานกลาง และยังไม่สามารถจะยกระดับของตัวเองให้หลุดพ้นจากวงจรนี้ไปได้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งในเรื่องความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงโอกาสต่างๆ การศึกษา รวมถึงการผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจรัฐบาลที่ปรับตัวค่อนข้างช้า ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยค่อนข้างต่ำ และในช่วงของโควิดมีช่วงเวลาติดลบด้วยซ้ำ
ปัญหาของไทยในตอนนี้ที่มีปัญหาก็คือ ไทยไม่มีอุตสาหกรรมที่จะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนอย่างในอดีต จะเห็นได้ชัดว่า ธุรกิจที่ทำรายได้เข้าประเทศยังเป็นรูปแบบ Old Economy ซึ่งเป็นอุตสาหกรรม s-curve ที่ตกรุ่น อย่างพวกรับจ้างผลิต, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว หรืออุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจะไปแข่งขัน และสร้างกำไรมหาศาล หรือดึงดูดการลงทุนได้เหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว
ดังนั้นไทยเราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับตัวเอง และสร้างอุตสาหกรรม s-curve ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และมีการพัฒนามากกว่าคู่แข่ง
ที่ผ่านมาดูเหมือนว่ารัฐบาลกำลังพยายามสร้าง 10 อุตสาหกรรม S-Curve ใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive), อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics), อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism), อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology), อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future)
และ 5 อุตสาหกรรมอนาคต ได้แก่ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (Robotics), อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics), อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals), อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital), อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) แต่ดูเหมือนว่า การขับเคลื่อนยังเต็มไปด้วยความล่าช้า ยังไม่เห็นผลความสำเร็จในเชิงประจักษ์
ดังนั้นสิ่งที่ต้องขับเคลื่อนในตอนนี้คือ การพาเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคใหม่ที่จะต้องเป็นโลกธุรกิจของอนาคต ซึ่งจะเห็นได้จากหลายประเทศที่สามารถนำตัวเข้าสู่ s-curve ใหม่ได้ ที่สำเร็จมากที่สุด คือจีน ที่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมไอที อินเทอร์เน็ต เอไอ และ IOT จนก้าวหน้าระดับโลก
ทั้งนี้ ในมุมมองของซีอีโอระดับประเทศอย่าง ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้สรุป 8 ก้าวสำคัญนำไทยสู่ยุคเศรษฐกิจ 5.0 ได้อย่างสำคัญ
Big Move แรกคือ การวางตำแหน่งประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยี หรือ Tech Hub ในระดับภูมิภาค Big Move ที่ 2 คือการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและการเงินของภูมิภาค หรือ Logistic & Financial Hubs กุญแจสำคัญคือ รถไฟไทย-จีน Big Move ที่ 3 คือการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร Big Move ที่ 4 คือ การเตรียมพร้อมเรื่องคน หรือ People Readiness ในการก้าวสู่ยุค 5.0 ที่เป็นยุคแห่งเทคโนโลยี และการสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัปไทย
Big Move ที่ 5 คือ การพัฒนา Smart City, Smart Town และ Smart Village เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ที่สร้างให้เกิด “เศรษฐกิจใหม่” Big Move ที่ 6 คือ World Political Neutrality ภาวะการเมืองที่เศรษฐกิจพยายามแบ่งเป็น 2 ขั้ว ไทยต้องยืนอยู่ตรงกลาง Big Move ที่ 7 คือ เรื่องของ State Transformation ข้าราชการระดับบริหารต้องมีรายได้สูงกว่าเอกชน เพื่อดึงดูดคนเก่งเข้าสู่ระบบราชการ
และ Big Move ที่ 8 คือ Thailand Sustainable Dream หรือความยั่งยืน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยสู่ยุค 5.0 โดยเฉพาะการทำ Net-Zero, Zero-Waste, Zero-poverty, Zero-Crime และ Zero Unemployment พูดง่ายๆ คือ 100% Security
ชัดเจนแล้วว่าประเทศจำเป็นต้องมี Big Move ไปในเส้นทางนี้ ที่จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตเข้มแข็งในอนาคตได้.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

