36 ปีให้หลัง...ตระกูลมาร์กอส หวนคืนอำนาจการเมืองฟิลิปปินส์

ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตอกย้ำว่า “การเมืองเรื่องวงศ์ตระกูล” ยังมีความสำคัญสำหรับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับฟิลิปปินส์การเปลี่ยนผู้นำครั้งนี้หมายถึงการปรับนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะต่อมหาอำนาจจีนและสหรัฐฯ ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เฟอร์ดินานด์ "บอง บอง" มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายและคนชื่อเดียวกับเผด็จการฟิลิปปินส์ชนะคู่แข่งด้วยคะแนนถล่มทลาย

เป็นการหวนกลับมาของตระกูลมาร์กอสครั้งสำคัญใน 36 ปี เมื่อคุณพ่อ...เผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส...ถูก "พลังประชาชน" ขับไล่ออกจากตำแหน่งและต้องเผ่นหนีออกนอกประเทศ

ชัยชนะของมาร์กอส จูเนียร์เป็นการเมืองฉากใหม่ที่กลับมาเชื่อมต่อจากฉากเก่าหลังความพยายามที่ยาวนานหลายทศวรรษของครอบครัวนี้ในการทวงอำนาจกลับคืนมาหลังจากการจลาจลครั้งใหญ่ในปี 1986 ซึ่งยุติการปกครอง 20 ปีของบิดาของเขาอย่างกะทันหัน

บังคับให้มาร์กอสต้องลี้ภัยที่ฮาวายจนถึงต้นทศวรรษ 1990

หลังจากเป็นที่ชัดเจนว่าเขาได้ชัยชนะด้วยคะแนนท่วมท้นแล้ว “บอง บอง” ก็ประกาศว่า

 “ความพยายามใดๆ ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนคนเดียว มันเป็นเรื่องของผู้คนจำนวนมากที่ทำงานในรูปแบบต่างๆ มากมาย"

แต่คนฟิลิปปินส์จำนวนไม่น้อยยังทวงถามความเป็นธรรมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชันและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโหดร้ายของยุค “เฟอร์ดินานด์ผู้พ่อ”

ซึ่งถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยกในฟิลิปปินส์ได้เสมอ

แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะสะท้อนว่าคนที่นั่นส่วนใหญ่จะไม่ให้ความสำคัญกับอดีตเท่ากับความหวังในตัวของ “มาร์กอสรุ่นลูก” ที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศที่ถูกโรคระบาดโควิดสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงและกว้างขวางมากว่า 3 ปี

ตลอดช่วงการหาเสียงนั้น มาร์กอส จูเนียร์ พยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเกี่ยวข้องกับมรดกทางการเมืองของครอบครัว

โดยหลีกเลี่ยงการขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบตกับคู่แข่ง เพราะเชื่อว่าโพลทั้งหลายให้เขานำอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องถูกซักถามเรื่องที่เขาไม่อยากตอบ

ทีมหาเสียงของ “บอง บอง” สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับครอบครัวมาร์กอสด้วยการเน้นไปที่ “ความเป็นผู้นำอัจฉริยะ” ของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส

และสร้างเรื่องราวที่อ้างถึง “ความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง” ที่มาร์กอสผู้พ่อได้ทำให้กับประเทศชาติ

ไม่ว่าฝ่ายตรงกันข้ามจะพยายามขุดคุ้ยอดีตของครอบครัวเพียงใด ทีมหาเสียงของ “บอง บอง” ก็เลือกที่จะนำเสนอ “ด้านบวก” ของครอบครัวนี้อย่างต่อเนื่อง

และหากวัดจากผลการเลือกตั้งก็ต้องยอมรับว่า “ปฏิบัติการด้านข่าว” ของมาร์กอสผู้ลูกประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน

 “บอง บอง” เลี่ยงคำถามเกี่ยวกับความพยายามของรัฐบาลในการเรียกคืนความมั่งคั่งมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่ตกทอดมาจากครอบครัว

เขาหันมาเน้นเรื่องที่เขาจะต้องสร้าง “ความเป็นเอกภาพแห่งชาติ”

แนวทางหาเสียงของเขาคืออดีตเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว วันนี้ต้องระดมสรรพกำลังเพื่อสร้างอนาคตของประเทศ

หากถามนักวิเคราะห์ที่นั่นว่าไฉนตระกูลการเมืองที่เคยมีเรื่องแปดเปื้อนอย่างนี้จึงได้รับความนิยมจากประชาชนได้มากมายเพียงนี้ คำตอบก็จะเน้นไปที่ความไม่พอใจของประชาชนต่อปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำที่ยังฝังลึกในประเทศ

อีกทั้งยังเป็นเพราะความล้มเหลวในความพยายามปฏิรูปทางการเมืองภายใต้การบริหารของรัฐบาลต่างๆ ตั้งแต่การลุกฮือของ “พลังประชาชน” หรือ People Power ที่โค่นมาร์กอสผู้พ่อ

อีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นแรงหนุนเนื่องให้ “บอง บอง” ชนะอย่างล้นหลามก็มาจากพลังทางโซเชียลมีเดียอย่างมหาศาล

ฝ่ายมาร์กอสใช้โซเชียลมีเดียนำเสนอเรื่องราวและข้อมูลที่ “ฟอกขาว” อดีตของบิดาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง

ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกต้องแม่นยำตรงกับความเป็นจริงในอดีตเพียงใดหรือไม่ก็ตาม

หนึ่งในคนรุ่นทำงานที่นั่นอ้างว่าเป็นผู้ติดตามเพจโซเชียลมีเดียของมาร์กอสบอกว่าเขาลงคะแนนให้มาร์กอสเพราะ “พ่อของเขาทำเรื่องโครงการโครงสร้างพื้นฐานมากมาย และผมหวังว่า ถ้าบอง บองชนะ เขาก็จะเจริญรอยตามพ่อ”

อีกด้านหนึ่ง “บอง บอง” ได้รับแรงหนุนสำคัญจากการวางตัวเป็นพันธมิตรกับซารา ดูเตอร์เต นายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ลูกสาวของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ที่จะก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเทอมครบ 6 ปี วันที่ 30 มิถุนายนนี้

เหมือน 2 ตระกูลนี้จะแบ่งเขตอิทธิพลกันได้อย่างเหมาะเจาะ

นั่นคือทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์เป็นของตระกูล Marcos และเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของตระกูล Duterte

มาร์กอสเสนอตัวเป็นผู้นำที่จะสานต่อนโยบายหลักของดูเตร์เต ซึ่งรวมถึงสงครามต่อต้านยาเสพติด

 “บอง บอง” บอกว่าเขาจะเน้นไปที่ “ปลาตัวใหญ่” แทนที่จะเป็นพ่อค้าเร่เล็กๆ

และให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้วยคำขวัญ "สร้าง สร้าง สร้าง"

ด้านนโยบายต่างประเทศ มาร์กอสถูกคาดหวังว่าจะรักษาจุดยืนที่คบหาใกล้ชิดกับจีนของดูเตร์เต

แต่เขาก็ประกาศว่ามีความตระหนักถึงการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ที่ดูเตร์เตเองพยายามจะสลัดทิ้ง

แต่ในแง่เศรษฐกิจนั้น นักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่ยอมรับว่า “บอง บอง” ไม่มีทิศทางและวาระด้านนี้ที่ชัดเจนอะไรมากมายนัก

ที่แน่ๆ คือประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์จะต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่หนักอึ้งจากผลการระบาดใหญ่ของโควิดและสงครามยูเครนที่ดันอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างน่ากังวล...รวมถึงหนี้ที่พุ่งขึ้นเหมือนอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก

สำหรับคนทำข่าวรุ่นผมที่ยังเห็นภาพของ People Power กลางกรุงมะนิลาที่ประชาชนมารวมตัวเพื่อโค่นเผด็จการมาร์กอสเมื่อ 36 ปีก่อนนั้น การกลับมาของ “มาร์กอสผู้ลูก” เป็นปรากฏการณ์ที่เขย่าขวัญด้านความสำนึกด้านความชอบธรรมและย้อนแย้งพอสมควรทีเดียว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พม่าจะเดินตามรอยเกาหลีเหนือ? ทำไมจึงมีนักวิเคราะห์บางสายตั้งคำถามนี้?

เพราะมีข่าวหลายกระแสที่บ่งบอกไปในทิศทางที่ว่า ผู้นำทหารพม่ากำลังมองคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเป็น “แม่แบบ” ของการสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศที่พยายามจะกดดันให้ต้องยอมเสียงเรียกร้องให้กลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย

สงครามพม่า: ไทยอาจมีสภาพเหมือน ‘โปแลนด์’ ของสงครามยูเครน?

ข้อสังเกตของอาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข ว่าไทยอาจกลายเป็น “โปแลนด์” ในกรณีสงครามกลางเมืองพม่า เป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการวางยุทธศาสตร์ของไทยต่อสถานการณ์รอบบ้านเรา

ทำไม IMF กับ Apple ของจีนกันคนละมุม?

สองคนมองสองมุม ผู้อำนวยการ IMF เตือนว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงมาถึง “ทางสองแพร่ง” ต้องเลือกระหว่างนโยบายในอดีตหรือ “การปฏิรูปตลาด” เพื่อปลดล็อกการเติบโต

ปูติน-เซเลนสกีแลกหมัด กรณีเหตุก่อการร้ายมอสโก

ตกลงใครอยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายต่อโรงคอนเสิร์ตชานเมืองมอสโกที่มีคนตายกว่า 130 คนเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา จนกลายเป็นเหตุการณ์ระดับโลก?

คำเตือนก่อเหตุร้ายมอสโก มาจากตะวันตกก่อน 2 สัปดาห์

สองสัปดาห์ก่อนเกิดเรื่องใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯเตือนคนของตนในรัสเซียให้หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชนในกรุงมอสโกเพราะอาจจะมีการโจมตีของผู้ก่อการร้าย