
คงต้องจับตาภาวะเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ ที่ต้องเผชิญ มรสุมคลื่นลมแรงจากภายนอก ทั้งปัญหาการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก โดยเฉพาะในจีนและเกาหลีเหนือ ที่เลือกใช้แนวทางการล็อกดาวน์ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อระดับการบริโภค การค้าขายของโลก
ขณะเดียวกันทางด้านแผ่นดินยุโรป ปัญหาการเมืองระดับภูมิภาค และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ จึงส่งผลต่อเรื่องระดับราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ชนิดฉุดไม่อยู่ และที่สำคัญ เรื่องของพลังงานก็ยังไปกดดัน เรื่องอัตราเงินเฟ้อ ที่เกิดปัญหาแพงทั้งแผ่นดินไปทั่วโลก
ล่าสุดทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือที่รู้จักกันในนามสภาพัฒน์ ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 พร้อมทั้งแนวโน้มของปี 2565 ซึ่งมีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้
1.ในส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สำหรับไตรมาส 1 ของไทยนั้น สามารถเติบโตได้ 2.2% จำแนกเป็น (1) การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 3.9% (2) การลงทุนรวมเพิ่มขึ้น 0.8% (3) การอุปโภคภาครัฐบาลเพิ่มขึ้น 4.6% (4) ปริมาณการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 10.2% (มูลค่าการส่งออก USD เพิ่ม 14.6%) (5) ปริมาณการส่งออกบริการเพิ่มขึ้น 30.7% (6) สาขาเกษตรเพิ่มขึ้น 4.1% (7) สาขาอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.9% (8) สาขาการค้าเพิ่มขึ้น 2.9% (9) สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารเพิ่มขึ้น 34.1% (10) สาขาขนส่งเพิ่มขึ้น 4.6% (11) สาขาไฟฟ้าและก๊าซเพิ่มขึ้น 0.2% (12) สาขาก่อสร้างภาคเอกชนลดลง 5.5%
2.ตัวเลขประมาณการตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2565 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งมีการปรับตัวเลขลงเล็กน้อยจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นข้างต้น โดย สภาพัฒน์ได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 2.5-3.5% หรือค่ากลางที่ 3%
ส่วนตัวเลขสำคัญอื่นๆ สำหรับปี 65 ก็มีการคาดการณ์ไว้ดังนี้ การบริโภคภาคเอกชน 3.9% การลงทุนภาคเอกชน 3.5% การลงทุนภาครัฐ 3.4% มูลค่าการส่งออก (รูปเงิน USD) 7.3% และเงินเฟ้อ 4.2-5.2%
ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ขณะที่ฐานรายได้ของครัวเรือนและภาคธุรกิจขยายตัวตามภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการส่งออก การผ่อนปรนมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยยกเลิกมาตรการ Test&Go
ในมุมบวกก็มีมุมลบ ที่คาดว่าจะเป็นปัญหา คือ 1.ภาระหนี้สินภาคเอกชนที่อยู่ในระดับสูงและจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ รวมถึงตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ 2.เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง 3.ความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนและมาตรการคว่ำบาตร 4.แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
อย่างไรก็ดี ยังมีสิ่งที่น่ากังวลอีกหลายปัจจัย ที่อาจจะเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยในปีนี้ นั่นก็คือ เรื่องของกำลังซื้อและหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างชัดเจนว่า สัดส่วนหนี้สินของภาคครัวเรือนไทยที่มีมากขนาดถึง 90.1% ของจีดีพี หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 14.58 ล้านล้านบาทนั้น ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะต้องเร่งแก้ไข
ขณะเดียวกันเรื่องของเงินเฟ้อ ราคาสินค้าแพง ก็ยังมาซ้ำเติมกับกลุ่มคนที่มีภาระหนี้สินอยู่แล้ว โดยระดับเงินเฟ้อที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4-5% นับเป็นตัวเลขที่น่ากลัว เพราะเพิ่มสูงกว่าจีดีพี ซึ่งก็หมายความว่า รายได้ของคนไทยและเงินที่คนมีอยู่ จะมีมูลค่าลดลง ขณะที่ระดับรายได้อาจจะเติบโตน้อยกว่า สินค้าที่แพงขึ้นก็จะยิ่งกลายเป็นภาระที่ประชาชนต้องแบกอีก นับเป็นทุกข์สองเด้ง
ดังนั้น แนวทางจากนี้ของรัฐบาลอาจจะต้องมีการผลักดันโครงการร่วมจ่ายอย่างคนละครึ่งให้กลับมาอีกครั้งเพื่อลดภาระประชาชน ขณะเดียวกันก็เพิ่มกำลังซื้อไปในตัว แต่เข้าใจว่า โครงการนี้จะต้องใช้งบอย่างเหมาะสม เพราะจะได้ไม่เป็นภาระของประเทศในระยะยาว
ขณะเดียวกันในเรื่องของการส่งออกก็ต้องจับตาดู เพราะขณะนี้ค่าเงินบาทอ่อนทำให้ส่งออกได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเศรษฐกิจโลก จีนและสหรัฐหยุดชะงัก ก็อาจจะส่งผลต่อภาคการส่งออกได้ อันนี้ภาครัฐจำเป็นต้องเพิ่มตลาดใหม่ๆ ในการส่งออกให้มากขึ้นด้วย
ส่วนด้านการท่องเที่ยว ตอนนี้ถือว่าไทยได้เปิดประเทศอย่างสมบูรณ์แล้ว คงต้องติดตามดูว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาเยี่ยนเยือนบ้านเราตามเป้าหมายหรือไม่
ทั้งหมดก็คือ สิ่งที่จะต้องจับตาและบริหารทิศทางเศรษฐกิจ ไปในเส้นทางที่ถูก และไทยน่าจะสามารถรอดจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จัดทัพกำชับนโยบายอุตสาหกรรม
จากการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านมาหลายเดือนก็เริ่มเห็นนโยบายที่ชัดเจนขึ้น และการบูรณาการการทำงานของหลายๆ หน่วยงานไปพร้อมๆ กัน จากสิ่งแรกที่เห็นคือการปรับปรุงนโยบายของกระทรวงภายใต้คำว่า MIND “ใช้หัวและใจ” ทำงาน โดยแบ่งเป็น 4 มิติ ได้แก่
ปีนี้ได้ใช้แน่รถไฟฟ้าสายใหม่
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ หลายสายทาง โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี
ป้องกันกลโกง“แอดมินปลอม”ให้อยู่หมัด
คงต้องยอมรับว่าเหล่ามิจฉาชีพบนโลกออนไลน์นับวันนั้นยิ่งแพร่ระบาดไปทั่วทุกแพลตฟอร์ม เรียกได้ว่าคนอยู่ที่ไหน
ลดค่าก๊าซ-ค่าไฟ ไม่ต้องรอพรรคไหนทั้งนั้น
ทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้ง จะได้เห็นนโยบายหาเสียงของบรรดาพรรคการเมือง ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำสิ่งนั้น ทำเรื่องนี้ให้ทันที
เมื่อเศรษฐกิจไทยมองเห็นแสงสว่าง
มีข่าวดีสำหรับคนไทยและเศรษฐกิจไทย เมื่อทางกระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ออกมาแถลงข่าวถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) ในเดือน ก.พ.2566 ซึ่งพบว่ามีตัวเลขอยู่ที่ 108.05 เทียบกับ ม.ค.2566 ลดลง 0.12% และเมื่อเทียบกับ เดือน ก.พ.2565 เพิ่มขึ้น 3.79% ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน
“ธุรกิจขนส่งพัสดุ”ยังโตแรง
“โควิด-19” ถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป นอกเหนือจากเทคโนโลยีในทุกมิติ