น่าจะเริ่มมีทิศทางที่ดี ทิศทางที่สดใส ตรงใจใครหลายคนที่อยากจะเห็นการ “ปฏิรูปตำรวจ” เกิดขึ้นจริงๆ จังๆ โดยเฉพาะ “การแต่งตั้งตำรวจ” ที่เป็นธรรม คนทำงานได้เติบโต ได้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
เพราะนั่นจะเป็น “ต้นธาร” ให้การดูแลประชาชน มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โปร่งใส และยุติธรรม
เมื่อ “เก้าอี้” ไม่มีต้นทุน ไม่มีเส้นสาย คนดีมีฝีมือเติบโตตามครรลอง การกอบโกย การตักตวง การหาผลประโยชน์ การช่วยเหลือพวกพ้อง ก็จะลดน้อยถอยลงไป
เท่าที่มีสัญญาณ มีความเคลื่อนไหวออกมาในตอนนี้ การแก้กฎ แก้ระเบียบ แก้กติกา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยตามขั้นตอนต่างๆ
ในการผ่าโครงสร้าง “สีกากี” ครั้งนี้ เท่าที่แย้ม เท่าที่มีเสียงลือๆ ออกมา ในเรื่อง “หลักเกณฑ์ใหม่” สำหรับการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม!!!
โดยเฉพาะสูตรการครองตำแหน่งเพื่อเลื่อนสูงขึ้น มีการปรับเกณฑ์จากเดิมของปี 2561
รอง สว. เลื่อนเป็น สว. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 7 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561
สว. เลื่อนเป็น รอง ผกก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 5 ปี ลดลงจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 6 ปี
รอง ผกก. เลื่อนเป็น ผกก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 4 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561
ผกก. เลื่อนเป็น รอง ผบก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 4 ปี ลดลงจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 5 ปี
รอง ผบก. เลื่อนเป็น ผบก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 4 ปี ลดลงจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 5 ปี
ผบก. เลื่อนเป็น รอง ผบช. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 3 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 2 ปี
รอง ผบช. เลื่อนเป็น ผบช. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 2 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 1 ปี
ผบช. เลื่อนเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 1 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนเป็น รอง ผบ.ตร. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 1 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561
โฟกัสสำคัญที่เรียกเสียงฮือฮา และดูจะตอบโจทย์เสียงเรียกร้องจากสังคม ในเรื่องของการยึดอาวุโสเป็นหลักในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจนั้น กฎ ระเบียบ กติกา ที่จะนำมาใช้บังคับใหม่
มีการปรับเพิ่มขึ้นของสัดส่วน “อาวุโส” ที่สามารถเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นได้ จากเดิมที่ยึดสัดส่วนร้อยละ 33
เป็นสัดส่วนอาวุโสร้อยละ 50!!!
อย่างไรก็ดี การเพิ่ม “อาวุโส” ในสัดส่วนร้อยละ 50 จะไม่ได้เพิ่มทุกตำแหน่ง ทุกระดับในการแต่งตั้ง กำหนดเพิ่มเอาไว้เพียงแค่ตำแหน่ง ผู้บังคับการ (ผบก.) - ผู้บัญชาการ (ผบช.) เท่านั้นที่ผู้อยู่ในลำดับอาวุโสร้อยละ 50 ของตำแหน่งที่ว่างจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
ส่วนระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้น รอง ผบ.ตร. จะใช้เรียงตามลำดับอาวุโสทั้งหมด
ระดับ “นายพัน” ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงไปถึง สารวัตร (สว.) จะยังคงยึดหลักอาวุโสร้อยละ 33 ตามเดิม
ซึ่งหากการปรับ “หลักเกณฑ์ใหม่” การแต่งตั้งตำรวจดังกล่าว เป็นจริงตามที่มีกระแสลือออกมา ก็น่าจะทำให้เหล่า “สีกากี” หลายคนพอใจ
โดยเฉพาะพวก “ตำรวจ” มีฝีมือ มีผลงาน ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ แต่ไร้เส้น ไร้สาย ไร้ผู้สนับสนุน จะได้เติบโตในหน้าที่การงานกันบ้าง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หรือทิ้งทวน?
ดูเหมือนสำนวนไทยที่ว่า "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" กำลังถูกนำมาค่อนแคะ เหน็บแนม การแต่งตั้งโยกย้าย "ตำรวจ" ทั้งในระดับ "นายพล" และระดับ "นายพัน" ที่ผ่านมา
ตำรวจไม่เลวไปหมด
ใครจะว่า ใครจะกล่าวหา "ตำรวจ" เป็นองค์กรอาชญากรรม คนพูด คนกล่าวหาก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองก็เคยอาศัยชายคา อาศัยร่มเงาองค์กร "ตำรวจ" มาเกือบครึ่งค่อนชีวิต
'200 สีกากี' หนาว!
มาพร้อมกับอากาศเย็นๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน อาการ "หนาวสะท้าน" ในแวดวง "สีกากี" ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการแต่งตั้ง "นายพัน" วาระประจำปี 2568
ขยายเก้าอี้ 'นายพัน'
หากไม่มีเรื่อง "สาวไส้ให้กากิน" อย่างกรณี "ตำรวจ" แฉ "ตำรวจ" บางกลุ่ม บางพวก บางคน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับการรับส่วย
องค์กรอาชญากรรมหรือ?
เห็นด้วยกับท่าที ผบ.ตร.-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ไม่ออกมาตอบโต้ ออกมาโต้เถียง กับข้อกล่าวหาของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่บอกผ่านสื่อว่า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย!!!
ตั้ง 'นายพล-นายพัน'
น่าจะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ "กรมปทุมวัน" อีกครั้ง การแต่งตั้ง "สีกากี" จะมีทั้ง "นายพล" และ "นายพัน" เกิดขึ้นภายในเดือนเดียว


