ตั้ง ตร.ยึดอาวุโส 50%

น่าจะเริ่มมีทิศทางที่ดี ทิศทางที่สดใส ตรงใจใครหลายคนที่อยากจะเห็นการ “ปฏิรูปตำรวจ” เกิดขึ้นจริงๆ จังๆ  โดยเฉพาะ “การแต่งตั้งตำรวจ” ที่เป็นธรรม คนทำงานได้เติบโต ได้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

เพราะนั่นจะเป็น “ต้นธาร” ให้การดูแลประชาชน มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โปร่งใส และยุติธรรม

เมื่อ “เก้าอี้” ไม่มีต้นทุน ไม่มีเส้นสาย คนดีมีฝีมือเติบโตตามครรลอง การกอบโกย การตักตวง การหาผลประโยชน์ การช่วยเหลือพวกพ้อง ก็จะลดน้อยถอยลงไป

เท่าที่มีสัญญาณ มีความเคลื่อนไหวออกมาในตอนนี้  การแก้กฎ แก้ระเบียบ แก้กติกา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยตามขั้นตอนต่างๆ

ในการผ่าโครงสร้าง “สีกากี” ครั้งนี้ เท่าที่แย้ม เท่าที่มีเสียงลือๆ ออกมา ในเรื่อง “หลักเกณฑ์ใหม่” สำหรับการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ

จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม!!!

โดยเฉพาะสูตรการครองตำแหน่งเพื่อเลื่อนสูงขึ้น มีการปรับเกณฑ์จากเดิมของปี 2561

รอง สว. เลื่อนเป็น สว. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย  7 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561

สว. เลื่อนเป็น รอง ผกก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 5 ปี ลดลงจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 6 ปี

รอง ผกก. เลื่อนเป็น ผกก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 4 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561

ผกก. เลื่อนเป็น รอง ผบก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 4 ปี ลดลงจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 5 ปี

รอง ผบก. เลื่อนเป็น ผบก. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 4 ปี ลดลงจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 5 ปี

ผบก. เลื่อนเป็น รอง ผบช. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 3 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 2 ปี

รอง ผบช. เลื่อนเป็น ผบช. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 2 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่กำหนดไว้ 1 ปี

ผบช. เลื่อนเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 1 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนเป็น รอง ผบ.ตร. ต้องครองตำแหน่งอย่างน้อย 1 ปี เท่ากับเกณฑ์ปี 2561

โฟกัสสำคัญที่เรียกเสียงฮือฮา และดูจะตอบโจทย์เสียงเรียกร้องจากสังคม ในเรื่องของการยึดอาวุโสเป็นหลักในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจนั้น กฎ ระเบียบ กติกา ที่จะนำมาใช้บังคับใหม่

มีการปรับเพิ่มขึ้นของสัดส่วน “อาวุโส” ที่สามารถเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นได้ จากเดิมที่ยึดสัดส่วนร้อยละ 33

เป็นสัดส่วนอาวุโสร้อยละ 50!!!

อย่างไรก็ดี การเพิ่ม “อาวุโส” ในสัดส่วนร้อยละ 50 จะไม่ได้เพิ่มทุกตำแหน่ง ทุกระดับในการแต่งตั้ง กำหนดเพิ่มเอาไว้เพียงแค่ตำแหน่ง ผู้บังคับการ (ผบก.) - ผู้บัญชาการ (ผบช.) เท่านั้นที่ผู้อยู่ในลำดับอาวุโสร้อยละ 50 ของตำแหน่งที่ว่างจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

ส่วนระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้น รอง ผบ.ตร. จะใช้เรียงตามลำดับอาวุโสทั้งหมด

ระดับ “นายพัน” ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงไปถึง สารวัตร (สว.) จะยังคงยึดหลักอาวุโสร้อยละ  33 ตามเดิม

ซึ่งหากการปรับ “หลักเกณฑ์ใหม่” การแต่งตั้งตำรวจดังกล่าว เป็นจริงตามที่มีกระแสลือออกมา ก็น่าจะทำให้เหล่า “สีกากี” หลายคนพอใจ

โดยเฉพาะพวก “ตำรวจ” มีฝีมือ มีผลงาน ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ แต่ไร้เส้น ไร้สาย ไร้ผู้สนับสนุน จะได้เติบโตในหน้าที่การงานกันบ้าง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รอง ผบ.ตร.' ขาดแคลน

นี่ซิ...วงการ "สีกากี" ไม่ทันที่ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. จะเก็บของออกจากห้องทำงานหมด หลัง บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ปิดฉาก'ผบ.ต่อศักดิ์'

ชัดเจนแบบไม่ต้องเดา ไม่ต้องคาดการณ์ การแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2567 ปลายปีนี้ ผู้ที่มีอำนาจจัดทำบัญชีแต่งตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อย่างแน่นอน!!!

ทิศทางสีกากีเปลี่ยน!

พอทุกอย่างลงตัว คลื่นลมสงบ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หมายเรียกหมายจับ เริ่มขับเคลื่อนไปตามกระบวนการยุติธรรม ทิศทาง "สีกากี" ก็เลยชัดเจน แจ่มแจ้ง

บ่อนกับตำรวจ

เห็นท่าทีขึงขัง เอาจริงเอาจัง ในการปราบปรามการพนันทั้งแบบ "ออนไลน์" และแบบ "บ่อนพนัน" ของ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการแทน ผบ.ตร. ถึงขนาดมีนโยบายชัดเจน

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' เปลี่ยน!

มีสัญญาณที่น่าสนใจ ที่น่าจับตา ภายในรั้ว "กรมปทุมวัน" หลังจากนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเด้งแพ็กคู่ 2 นายพล ทั้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

แฉมาตายหมู่!

ช่วงนี้ขออนุญาตไม่รับนัดใคร ไม่ขอไปไหนไกลเกิน 2 ลี้ เดี๋ยวลุกจากเก้าอี้แถวหน้าเวทีมหกรรมแห่งการแฉ "แวดวงสีกากี" แล้วจะเสียม้า เสียที่ ไม่ได้ยินเรื่องราวเต็มสองหู ไม่ได้เห็นด้วยตาแบบชัดๆ