
ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องค่าการกลั่นน้ำมัน หลังจากที่ "กรณ์ จาติกวณิช" หัวหน้าพรรคกล้า ออกมาเปิดข้อมูลว่า คนไทยกำลังถูกปล้นจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน
แน่นอนเคสนี้มีความดุเดือดมากขึ้น เพราะหลังที่มีการปล่อยข้อมูลออกไป ผู้ประกอบการธุรกิจโรงกลั่นก็ตกเป็นจำเลยต่อสังคมทันที โดยเฉพาะการที่ถูกมองว่ากำลังทำนาบนหลังคน หากำไรจากประชาชนที่กำลังเดือดร้อน จนทางกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมถึงกับต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในหลายประเด็น
แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเหตุผลฝั่งไหนก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน คือ 1.ประชาชนเดือดร้อน 2.ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น 3.เงินเฟ้อ ทั้งหมดก็ส่งผลโดยตรงมาสู่ระบบเศรษฐกิจอยู่ดี
ดังนั้น ทุกฝ่ายทั้งภาคการเมือง ผู้ประกอบธุรกิจ และรัฐบาล ควรร่วมมือกันเพื่อหาทางออกในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากที่สุด อะไรที่พอช่วยเหลือกันได้ คุยกันได้ ก็ควรจะร่วมด้วยช่วยกัน
และในที่สุด เมื่อหันหน้าพูดคุยก็เริ่มเห็นทางสว่าง
โดยล่าสุด ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็มีข้อสรุปออกเป็นมาตรการ ขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ นำส่งกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลและเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันในช่วงวิกฤตน้ำมันแพง โดยเงินในส่วนของน้ำมันดีเซลนำไปบริหารราคาขายปลีกราคาดีเซลให้ไม่เกิน 35 บาท/ลิตร และเงินในส่วนของน้ำมันเบนซินให้นำไปลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 1 บาท/ลิตร
ซึ่งจากหลักการก็น่าจะไม่เป็นปัญหา เนื่องมาจากธุรกิจโรงกลั่นส่วนใหญ่นั้นเป็นเอกชนที่มีรัฐบาลถือหุ้นอยู่แล้ว การเจรจาจึงไม่ใช่เรื่องยากมากนัก
เบื้องต้นกระทรวงพลังงานรายงานว่า กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับกลุ่มโรงกลั่นถึงแนวทางในการดำเนินการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ให้นำส่งกำไรส่วนหนึ่งของโรงแยกก๊าซธรรมชาติเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งคาดว่าจัดเก็บได้ 500-1,000 ล้านบาท/เดือน
อย่างไรก็ดี ในส่วนตัวเลขการนำส่งกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นน้ำมัน เข้ากองทุนน้ำมัน จะออกมาในสูตรไหนนั้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า จะมีการพูดคุยกันระหว่างกระทรวงและธุรกิจโรงกลั่น เพื่อหาข้อยุติได้ภายในสัปดาห์นี้
ส่วนที่มีตัวเลขออกมา 7-8 พันล้านนั้น อย่าเพิ่งกดดันขอใช้เวลาหารือเพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมและรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่าตัวเลขดังกล่าว
แน่นอนประเด็นนี้จะต้องมีการเกาะติดอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนแผนการช่วยเหลือระยะยาวนั้น เพราะราคาน้ำมันคงไม่ลงในเร็วๆ นี้ ทางรองนายกฯ ย้ำชัดว่า ในส่วนที่เป็นแผนระยะยาวจะเป็นความช่วยเหลือในเฉพาะกลุ่มเปราะบางและผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ
อย่างที่ทราบ รัฐบาลโดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะนี้ก็อยู่ในภาวะตึงมือสุดๆ แทบจะหาสภาพคล่องมาบริหารราคาน้ำมันคงจะไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังพอที่จะทำ ลำพังเงินที่แบ่งจากโรงกลั่นก็มาเติมสภาพคล่องได้ไม่มากนัก ดังนั้นจากนี้เราคงจะไม่ได้เห็นการช่วยเหลือแบบหว่านแหอีกต่อไป จนกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

