อดีตทูตจีนประจำวอชิงตันเปิด แนววิเคราะห์มะกันดุดัน

มาถึงวันนี้เมื่อ โจ ไบเดน ย้ายเข้าทำเนียบขาวแทน ทิศทางของอเมริกาต่อจีนเป็นอย่างไร

มีเพื่อนที่ติดตามเรื่องเมืองจีนส่งข้อความที่เป็นความเห็นของทูตชุย เทียนไข่ มาให้อ่าน

อ่านแล้วก็เชื่อได้ว่าเป็นแนวทางของผู้นำจีนที่สะท้อนในความเห็นของท่านทูตได้...พอจะเรียงลำดับได้อย่างนี้

1.สหรัฐจะไม่มีวันยอมให้จีนผงาดขึ้นมาเคียงบ่าเคียงไหล่เด็ดขาด เพราะจีนมีระบอบการปกครองที่ต่างกัน และจีนมีความคิดอ่าน และวัฒนธรรมที่ต่างกับสหรัฐฯ

2.สหรัฐฯ ในส่วนลึกมีอคติกับจีน ในด้านสีผิวที่ต่างกัน ท่านทูตเน้นว่า จิตใจส่วนลึกของชาวอเมริกันยังเหยียดสีผิว และชนชาติจีนที่สหรัฐฯ ถือว่าเป็นชาติที่ต่ำต้อยกว่า

3.การสกัดและยับยั้งจีนนั้น สหรัฐฯ จะดำเนินการโดยไร้ขอบเขต กล่าวคือ อะไรที่จะสกัดได้ สหรัฐฯ จะทำทุกอย่าง เช่น วางแผนปิดล้อมจีนและ แบ่งแยกจีนออกเป็นเสี่ยงๆ เพื่อให้จีนอ่อนแอลง

4.ให้ชาวจีนเลิกเพ้อฝันที่จะปรองดองกับสหรัฐฯ ซึ่งจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ 

ขอให้ชาวจีนตั้งสติอย่างดี จงสร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง เตรียมพร้อมกับการเผชิญศึกสงครามที่จะมาในภายหน้า

ไม่ว่าจีนจะทำอย่างไร สหรัฐฯ ก็คงไม่พอใจในสายตาของสหรัฐ โดยเห็นว่าจีนเป็นชนชาติต่ำต้อย จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้เกียรติชาวจีน

การสกัดจีนของสหรัฐฯ จะใช้ทุกรูปแบบ ไม่คำนึงถึงมารยาท หรือกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ ไม่คำนึงถึงหลักการที่ถูกที่ควร ไม่อิงกฎหมายใดๆ ไม่คำนึงถึงคุณธรรมบาปกรรม เรียกว่ามีอคติในทุกเรื่อง จะใช้ทุกวิถีทางที่ทำร้ายจีนได้ ก็จะทำโดยไม่ไตร่ตรอง

ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้จีนจึงอย่าได้ฝันว่าจะปรองดองกับสหรัฐฯ ได้

สิ่งที่จีนควรทำคือ ต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญสงครามกับสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในวันข้างหน้า

และหากจีนจะรบ ต้องรบชนะอย่างเดียว

อย่าได้คาดหวัง เชื่อคำที่ว่าสหรัฐฯ กับจีนมีทั้งแข่งขันและร่วมมือ เชื่อมโยงสร้างความเข้าใจกันได้ นั่นเป็นเพียงวาทศิลป์ทางการทูตเท่านั้น

สรุปสั้นฯ ถ้าไม่อยากให้เขากำราบเรา เราต้องลงมือกำราบเขาก่อน

สิ่งที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่ความประสงค์ของข้าพเจ้า แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ

สหรัฐฯ จะใช้นโยบายเอาประชาธิปไตยบังหน้า ใช้ยุทธวิธีรวมกลุ่มสร้างพวกเพื่อล้อมจีน ดิสเครดิสจีน เพื่อให้จีนเสียหายต่างๆ นานา เช่น อ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนในซินเกียง ทิเบต และฮ่องกง ตลอดจนทะเลจีนใต้ สร้างความขัดแย้งระหว่างจีนและประเทศต่างๆ ในทะเลจีนใต้

รวมทั้งปิดกั้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม semiconductors 

ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้รวบรวมประเทศต่างฯ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และยุโรป สร้างกำแพงเพื่อ sanction จีน

กำแพงนี้ ยิ่งสร้างยิ่งสูง เพื่อปิดกั้นจีน ในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์และมือถือ รวมทั้งกำลังจะติดตั้งขีปนาวุธ ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ ให้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน

และส่งทหารเข้าประจำการในไต้หวันอีกรอบ เพราะสหรัฐฯ รู้ว่าต้องสกัดจีนทุกแนวทาง โดยหวังว่าจะสามารถยับยั้งการพัฒนาอาวุธของจีนได้

ทางรอดของจีนนั้น เราต้องพึ่งพาตนเอง พัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองให้ได้

ปัญหาไต้หวัน คงเป็นสนามรบที่ล่อแหลมระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ ต้องยั่วยุให้เกิดวิกฤตในพื้นที่นี้

                    ขณะเดียวกันสหรัฐฯ จะปั่นหัวประเทศในแถบทะเลจีนใต้ให้เกิดความขัดแย้งกับจีนให้ได้

ทั้งสองปัญหานี้เกี่ยวโยงถึงอิทธิพลสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก  เพื่อทำลายจีน นั่นคือเป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ

โดยพวกเขาทำให้ผลประโยชน์เหล่านั้นดูศักดิ์สิทธิ์ จนตอนนี้มันได้ทำให้โลกใบนี้ไม่มั่นคง

แนวคิดของท่านทูตจีนผู้นี้สอดคล้องกับแนวทางที่ผู้นำจีนนำเสนอมาตลอด

แม้ว่าภาษาที่ผู้นำจีนใช้จะไม่แรงและกร้าวเหมือนทูตชุย เทียนไข่ เพราะต้องการจะเปิดทางสำหรับการเจรจาต่อรองในเวทีระหว่างประเทศ

หากฟังน้ำเสียงและเนื้อหาของท่านทูตชุย เทียนไข่ นี้แล้วก็พอจะคาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของ 2 ยักษ์ใหญ่ระดับโลกคงจะยังต้อง “ผ่านร้อนผ่านหนาว” ไปอีกนานทีเดียว.