อาเบะทิ้งมรดกการเมือง อะไรให้กับญี่ปุ่นและโลก?

การจากไปแบบช็อกโลกของอดีตนายกฯ ชินโซะ อาเบะ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีผลเขย่าแวดวงการเมืองของญี่ปุ่นครั้งประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว

ผู้ติดตามการเมืองญี่ปุ่นอาจมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาในแง่มุมต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน

เช่น มองว่าเขาเป็นนักการเมืองอนุรักษนิยมฝ่ายขวาที่มีความสนิทสนิมแน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกา

ตอนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีปี 2017 อาเบะเป็นผู้นำโลกเกือบจะคนแรกที่บินไปจับมือแสดงความยินดีกับเขา

บางคนอาจจะจำภาพที่อดีตนายกฯ ญี่ปุ่นคนนี้ทำเรื่องยั่วยุจีนในหลายๆ เรื่อง

เช่น การเข้าสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิ ที่เป็นที่ประดิษฐานป้ายวิญญาณของอาชญากรสงครามโลกครั้งที่ 2

ทำให้ฝ่ายปักกิ่งต้องออกมาประท้วงหลายครั้ง

แต่เขาก็พลิกเกมให้คนประหลาดใจได้ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่

กลายเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนแรกในรอบหลายปี ที่เดินทางไปกรุงปักกิ่ง จับมือกับสี จิ้นผิง

ถึงขั้นที่ประกาศร่วมกันว่าจีนกับญี่ปุ่นน่าจะจับมือกันไปลงทุนในประเทศที่ 3

แม้จะสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยในตอนนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้

อีกหลายคนก็อาจจะจดจำอาเบะในชุด “ซุปเปอร์มาริโอ” ในพิธีส่งมอบการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศบราซิลในปี 2016

คนที่สนใจเรื่องเศรษฐกิจการเมืองก็จะจำศัพท์ยอดฮิตในช่วงนั้นคือ Abenomics

หรือนโยบายเศรษฐกิจแบบอาเบะ

ที่เน้น 3 เสาหลัก (ที่เขาเรียกว่า Three Arrows หรือลูกศรสามดอก) นั่นคือการผ่อนปรนนโยบายการเงิน, การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการปฏิรูปโครงสร้างของประเทศ

แม้สำหรับข้อ 3 จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ชัดเจนนัก แต่อาเบะก็ทำได้ดีใน 2 ข้อแรกจนดันให้ตัวเลขผลผลิตมวลรวมของประเทศ หรือ GDP ขยับขึ้นไปได้อย่างน่าประทับใจ อย่างน้อยก็ในจังหวะนั้น

แต่การจากไปอย่างฉับพลันของอาเบะจะก่อให้เกิดความปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญของนโยบายของญี่ปุ่นอย่างกว้างขวางและลุ่มลึก

ทั้งในด้านภายในประเทศและต่างประเทศ

เพราะญี่ปุ่นได้สูญเสียบุคคลที่มีบารมีสูงและที่สามารถเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศได้

โดยทำงานจากเบื้องหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมาตลอด แม้จะลงจากตำแหน่งนายกฯ มาแล้ว 2 ปีเศษ        

อาเบะสร้างสถิติเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์บางคนบอกว่าเขาได้ทิ้งร่องรอยที่ไม่อาจจะลบออกได้ฝากไว้เป็นวาระทางการเมืองของประเทศในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

หลังจากที่อาเบะและพรรค LDP หรือเสรีประชาธิปไตยของเขาชนะการควบคุมของรัฐบาลในปี 2555 เขาก็เริ่มเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจของญี่ปุ่นทันที

เริ่มด้วยการออกนโยบายให้ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2%

ต่อมาในปี 2556 อาเบะตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติภายใต้การควบคุมโดยตรงของนายกรัฐมนตรี

ในปีถัดมา คณะรัฐมนตรีของอาเบะได้ออก “การตีความใหม่” ว่าด้วยเนื้อหาในรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีมาตรการ “การป้องกันตนเอง” บางส่วน

เป็นการเปิดทางแก้ไขกฎกติกาที่จะให้ญี่ปุ่นมากองทัพของตนเองหลังจากที่ถูกห้ามมาตั้งแต่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2

แนวทางใหม่เหล่านี้ถูกส่งต่อมายังผู้สืบทอดตำแหน่งนายกฯ ต่อมาคือ โยชิฮิเดะ สุกะ และนายกฯ คนปัจจุบัน ฟุมิโอะ คิชิดะ

อาเบะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนกันยายน 2020 เพราะอาการป่วย

แต่เขายังคงมีบารมีต่อมุ้งใหญ่ทางการเมือง และนักการเมืองกับข้าราชการจำนวนไม่น้อยยังแวะเวียนไปหาคำแนะนำและแนวทางปฏิบัติอยู่ไม่น้อย

อาเบะเป็นผู้ผลักดันให้เพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า           

แม้เขาจะลงจากตำแหน่งแล้ว แต่เป้าหมายก็ยังปรากฏอยู่ในพิมพ์เขียวเศรษฐกิจปัจจุบัน

อิทธิพลของอาเบะมาจากตำแหน่งผู้นำของ “มุ้งการเมือง” ที่ใหญ่ที่สุดในพรรค LDP

ขณะที่นายกฯ คิชิดะคนปัจจุบันเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ใหญ่อันดับ 4 เขาจึงต้องคอยเงี่ยหูฟังทิศทางของกลุ่มก้อนที่สวามิภักดิ์ต่ออาเบะ

ทั้งเพื่อดำเนินแนวทางที่สะท้อนความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ...และเพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตน

การเสียชีวิตของอาเบะได้เปลี่ยนแปลงพลวัตทางการเมืองภายในพรรค LDP ประการหนึ่ง

เพราะไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าใครควรเข้ารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มของอาเบะ

มุ้งการเมืองนี้เรียกขานอย่างเป็นทางการว่า เซวะ เซซากุ เคนคิวไค

หัวใจของแนวทางของอาเบะที่รัฐบาลปัจจุบันนำไปปฏิบัติต่อคือ การเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างเป็นรูปธรรม

โดยอ้างภัยคุกคามที่อาจจะมาจากจีนและเกาหลีเหนือ

เพราะอาเบะเคยประกาศยืนข้างไต้หวัน ทำให้ปักกิ่งมีความขุ่นเคืองไม่น้อย

พันธมิตรทางการเมืองบางค่ายไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ

ผู้ว่าการธนาคารกลาง Haruhiko Kuroda ซึ่งเป็นหัวหอกในแผนการเงินของแนวทาง Abenomics จะสิ้นสุดวาระในเดือนเมษายนที่จะถึง

ใครจะมาแทนเขาจึงมีความสำคัญต่ออนาคตของทิศทางแห่งนโยบายการเงินที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ในด้านการทูตระหว่างประเทศ อาเบะถูกมองว่าเป็น “รัฐบุรุษ” ที่มีความกระตือรือร้นในการยื่นมือออกไปสานความสัมพันธ์กับผู้นำระดับโลกยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย

ทันทีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2017 อาเบะก็แสดงความสนิทสนมด้วยการบินไปแสดงความยินดีด้วยตนเองเกือบจะทันที

เป็นโอกาสที่อาเบะนำเสนอ "กลยุทธ์อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง"

สงครามยูเครนตอกย้ำถึงผลกระทบที่ร้ายแรงของการทูตระหว่างประเทศของญี่ปุ่น

ว่ากันว่าถ้าอาเบะยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่วันนี้ ท่าทีของญี่ปุ่นต่อแนวทางของ “ระเบียบโลกใหม่” อาจจะขึงขังตึงตังมากกว่าที่เห็นอยู่วันนี้ก็ได้

สรุปว่าการจากไปอย่างน่าสยดสยองของอาเบะได้ทิ้งช่องว่างที่กว้างและลึกสำหรับญี่ปุ่นในเวทีการเมืองในประเทศและระหว่างประเทศอย่างยิ่ง

หาคนมาถมช่องว่างนี้ยากเต็มทน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ