สำหรับมหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯ รัฐมนตรีและนักการเมืองอาวุโสสุดของประเทศมาเลเซียนั้นอายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ
ปีนี้อายุ 97 แล้ว แต่ท่านผู้เฒ่าก็ยังไม่ยอมเลิกเล่นการเมือง
สัปดาห์ก่อนมหาเธร์เปิดแนวร่วมพันธมิตรทางการเมืองชุดใหม่เพื่อเตรียมสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้า
เป้าหมายคือต้องการจะต้านอิทธิพลของพรรค UMNO เก่าของเขาเอง
ครั้งนี้มหาธีร์ประกาศว่าจะส่งผู้สมัคร 120 คน และจะต้องได้ที่นั่งมากพอที่จะร่วมกับพรรคอื่นตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ
และแน่นอนว่าเจ้าตัวก็พร้อมจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเช่นกัน
แต่ผู้คนในแวดวงการเมืองที่นั่นเริ่มจะตั้งคำถามว่าบารมีของท่านผู้อาวุโสท่านนี้กำลังเริ่มเจือจางลงไปมากแล้วมิใช่หรือ
ตั้งแต่เขาก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียครั้งล่าสุดในปี 2020 มหาธีร์ก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ในแวดวงการเมืองอย่างสม่ำเสมอ
เสมือนเลือดการเมืองอยู่ในตัวเขาไม่หยุดหย่อน ได้ยินเสียงปี่กลองทางการเมืองเป็นทนไม่ได้
และก็คงยังเชื่อว่าตัวเองยังสามารถจะกอบกู้บ้านเมืองได้
คำประกาศของมหาธีร์คือการจัดตั้งพันธมิตรทางการเมืองที่เน้นกลุ่มชาติพันธุ์มาเลย์เป็นศูนย์กลางขึ้นใหม่
โดยมีเป้าหมายที่จะแข่งขันยึดให้ได้มากกว่า 100 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป ซึ่งอาจมาอย่างเร็วที่สุดในปีนี้
ชื่อของพันธมิตรทางการเมืองใหม่คือ Gerakan Tanah Air หรือ Homeland Movement แปลได้ว่าเป็น “ขบวนการแผ่นดินแม่”
โดยพุ่งเป้าเป็นคู่แข่งที่สำคัญของพรรคที่ทรงอิทธิพลที่สุดในมาเลเซียที่เขาเองก็เคยเป็นหัวหน้าพรรคมาก่อน
นั่นคือ United Malays National Organization (UMNO) ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตร Barisan Nasional ที่เป็นรัฐบาลอยู่
มหาธีร์เป็นคนพูดตรงไปตรงมา หรือจะเรียกว่า “ขวานผ่าซาก” ก็ไม่ผิด
วันแถลงการณ์เปิดตัวขบวนการการเมืองใหม่ เขาบอกว่าทุกวันนี้ชาวมาเลย์ “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพรรคการเมืองที่ทุจริตประพฤติมิชอบ”
โดยเขายิงตรงไปที่ UMNO ว่าเป็นพรรคของอดีตนายกรัฐมนตรี Najib Razak ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทุจริตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับกองทุนของรัฐ 1MDB
แต่กระนั้นอดีตนายกฯ คนนี้ก็ยังคงมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในแวดวงการเมืองมาเลเซีย
นั่นแปลว่ามหาธีร์เปิดฉากชนกลุ่มการเมืองที่ใหญ่ที่สุด เพื่อระดมเสียงจากคนมาเลเซียที่เบื่อหน่ายกับการเมืองน้ำเน่าของประเทศที่มีมาช้านาน
แน่นอนว่าคนที่ไม่ชอบมหาธีร์ก็อาจจะย้อนถามว่า เขาเองมิใช่หรือที่มีส่วนทำให้การเมืองมาเลเซียตกอยู่ในสภาพที่น่ากังวลในปัจจุบัน
เพราะไม่มีช่วงไหนในการเมืองมาเลเซียที่มหาธีร์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
น่าสนใจว่ากลุ่มพันธมิตรใหม่ของท่านผู้เฒ่านี้ไม่เพียงแต่พยายามรวบรวมบรรดาพรรคการเมืองที่ยังชื่นชมเขาเท่านั้น
แต่คราวนี้มหาธีร์ต้องการขยายฐานความนิยมทางการเมืองด้วยการเชื้อเชิญองค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอ, ผู้นำท้องถิ่น และนักวิชาการจากหลายๆ สถาบัน
เพื่อจะได้เปิดฐานเสียงให้กว้างกว่าที่เคยมีมาในอดีต
ตามกำหนดการปกติ มาเลเซียจะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายในเดือนกันยายนของปีหน้า
แต่ด้วยบรรยากาศการเมืองที่มีความผันผวนปรวนแปรสูง มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะมีการยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งเร็วกว่านั้น
เหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะสมาชิก UMNO บางกลุ่มกำลังผลักดันให้นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ยุบสภาล่างเพื่อจัดการเลือกตั้งในปีนี้
มหาเธร์บอกนักข่าวในวันแถลงเปิดตัวความเคลื่อนไหวทางการเมืองล่าสุดว่า “ขบวนการแผ่นดินแม่” ของเขามีเป้าหมายที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในสภาล่าง 120 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด
แน่นอนว่ามีคำถามว่า ความพยายามจะกลับมามีบทบาทนำทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งของท่านผู้อาวุโสจะประสบความสำเร็จเพียงใด
เพราะตั้งแต่เขาก้าวลงจากตำแหน่งนายกฯ ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 แล้วรัศมีส่วนตัวของเขาก็ไม่ได้เรืองรองนัก
ตรงกันข้ามหลายคนกำลังคิดว่าเขาน่าจะไป “กลับบ้านเลี้ยงหลาน” ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว
ด้วยเหตุผลทางวัยและโครงการอำนาจทางการเมืองที่เปลี่ยนไป
ทุกวันนี้พรรคเดิมของมหาธีร์คือพรรค “นักสู้แห่งมาตุภูมิ” มีเพียง 4 ที่นั่งในสภาล่าง
ส่วนพันธมิตรทางการเมืองที่เขาไปชวนมาร่วมทีมใหม่นี้มีอีก 3 พรรค
ซึ่งล้วนไม่เป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนทั่วไปนัก
จะว่าไปแล้ว นักวิเคราะห์การเมืองของมาเลเซียมองว่าการรวมตัวครั้งใหม่ของกลุ่มการเมืองของมหาธีร์ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจหรือมีพลังที่อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อมหาธีร์จับมือกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เมื่อ 4 ปีก่อน
การรวมตัวของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งการเมืองมาเลเซียส่งผลให้มหาธีร์กลับไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2561
แต่วันนี้ไม่มีชื่อของอันวาร์ปรากฏในแนวร่วมใหม่
อีกทั้งโอกาสก็มีน้อยที่จะเกิดสถานการณ์ที่จะให้ 2 คนนี้กลับไปร่วมมือเหมือนกับที่เคยทำ “สัญญาแห่งความหวัง” หรือพันธมิตร Pact of Hope ซึ่งเป็นฝ่ายค้านภายใต้อันวาร์ขณะนี้
เมื่อคู่รักคู่แค้นมหาธีร์กับอันวาร์ต่างเลิกเดินกันคนละทาง พลังก็จะหดหาย และอำนาจทางการเมืองเดิมอย่าง UMNO ก็คงสามารถเดินหน้าคุมเกมการเมืองต่อไปได้อีกเช่นเดิม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


