ความหมายใหม่ใน ‘สมุดปกขาว’ ปักกิ่งว่าด้วย ‘การรวมชาติ’ ไต้หวัน

“สมุดปกขาว” ว่าด้วยเรื่องไต้หวันที่ปักกิ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เห็นชัดเจนว่า สี จิ้นผิง ปรับยุทธศาสตร์ประเด็นนี้ครั้งสำคัญ

นอกจากจะมีน้ำเสียง “กร้าว” กว่าเอกสารเดิมๆ ว่าด้วย “การรวมชาติอย่างสันติ” แล้วก็ยังขีด “เส้นแดง” ที่จะห้ามใครข้ามอีกด้วย

มิหนำซ้ำ ยังเห็นได้ชัดว่านี่คือกติกาสำหรับ “ยุคใหม่”

นั่นแปลว่าจีนวันนี้ไม่ใช่จีนเมื่อวาน ดังนั้นอำนาจต่อรองและเสียงขึงขังดังขึ้นกว่าเดิมนั้นคือ “ของจริง”

ที่เคยรับปากว่าจะไม่ส่งทหารขึ้นไปบริหารเกาะไต้หวัน หากจำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อการรวมชาตินั้นก็หลุดออกจากเอกสารใหม่

นักวิเคราะห์บางสำนักตีความว่า จีนปักกิ่งกำลังจะบอกว่าที่เคยพร้อมจะยอมรับ “หนึ่งประเทศ, สองระบบ” สำหรับไต้หวันนั้นอาจจะต้องตีความกันใหม่

จังหวะของการเผยแพร่เอกสารนี้มีนัยสำคัญเป็นพิเศษ

เพราะเกิดขึ้นทันทีที่จบสิ้นการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงรอบๆ เกาะไต้หวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์

ที่เป็นผลจากการมาเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี, ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ, ที่สร้างความไม่พอใจให้กับจีนอย่างมาก

ประโยคเด็ดของสมุดปกขาวเล่มนี้เห็นจะเป็นการตอกย้ำว่าจีนจะเดินหน้ารวมชาติไต้หวันอย่างสันติ

ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ว่าใครก็จะ "หยุดยั้งไม่ได้" อีกต่อไป

อีกทั้งยังใช้ภาษาดุดันแจ้งว่าจีนมี "ความจริงใจอันยิ่งใหญ่ที่สุด" ในอันที่จะเดินหน้ารวมชาติกับไต้หวันอย่างสันติโดยไม่สนใจว่าผู้นำทางการเมืองไต้หวันหรือสหรัฐฯ จะแสดงท่าทีอย่างใด

และย้ำเตือนว่า “จะไม่อดทนต่อกิจกรรมใดๆ ที่ต้องการจะแยกประเทศ”

“สมุดปกขาว” ที่ว่านี้ออกโดยสำนักงานกิจการไต้หวัน และสำนักงานข่าวสาร ซึ่งอยู่ภายใต้คณะรัฐมนตรี 

ใช้หัวข้ออย่างเป็นทางการว่า "ประเด็นไต้หวัน และการรวมชาติของจีนในยุคใหม่" (The Taiwan Issue and China’s Reunification in the New Era) 

ย้ำเตือนว่าไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน 

และประณามทุกความพยายามที่จะทำให้ "ไต้หวันเป็นอิสระ" 

ใครอ่านเอกสารนี้อย่างตั้งใจจะเห็นว่ามี 5 เสาหลักของนโยบายนี้ ซึ่งพอจะสรุปใจความหลักๆ ได้ว่า

1.ไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีนโดยปราศจากข้อถกเถียงหรือโต้แย้งใดๆ 

2.พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มพิกัดในการบรรลุเป้าหมาย “การรวมชาติอย่างสมบูรณ์”

3.“การรวมชาติอย่างสมบูรณ์” ของจีน เป็นกระบวนการที่ไม่มีใครมายับยั้งได้อีกต่อไป

4.การรวมชาติที่ว่านี้เป็นแนวทางของ “ยุคใหม่” 

5.หลังการรวมชาติอย่างสันติแล้ว อนาคตของไต้หวันก็จะสดใสและเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ที่คงจะเป็นหัวใจของสมุดปกขาวที่ว่านี้ก็คือคำประกาศที่ว่าจีนขอสงวนสิทธิ์ที่จะใช้กำลังเพื่อบรรลุเป้าหมายของการรวมชาติ

จะเริ่มความพยายามในแนวทางสันติก่อน

ถ้าไม่สำเร็จก็จะส่งกองกำลังบุกยึด...ว่างั้นเถอะ

และเน้นด้วยว่าปักกิ่งขอสงวนสิทธิ์ในการใช้ “มาตรการที่จำเป็นทั้งหมด”

เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากภายนอก และกิจกรรมแบ่งแยกทุกประเภท 

แต่จะคงไว้ซึ่งการสื่อสารกับคนจีนบนเกาะไต้หวัน

นั่นคือการแยกมิตรแยกศัตรูให้เห็นเด่นชัด

ตอนหนึ่งของเอกสารนี้บอกว่า

"เราถูกกดดันให้ต้องใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้ต่อการยั่วยุของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน หรือกำลังจากภายนอก...”

                    และย้ำอีกว่า กลุ่มต่างๆ ดังว่าจะต้องไม่ “ก้าวข้ามเส้นแดงที่เราขีดแบ่งไว้" 

สมุดปกขาวระบุชัดๆ ว่าผู้ยุแหย่หลักคืออเมริกา

จีนกล่าวว่าสหรัฐฯ ใช้ “อำนาจบางประการ” ในความพยายามที่จะใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือต่อต้านจีน 

นั่นแปลว่าในสายตาของปักกิ่งนั้น จีนใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือในการสกัดกั้นการเติบใหญ่ของจีน

และกลุ่มการเมืองในไต้หวันบางกลุ่มก็ยอมที่จะถูกใช้

ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ การที่จีนนำเสนอภาพข้ามช็อตให้คนไต้หวันได้อุ่นใจว่า

แม้จะมีการ “รวมชาติ” แล้วก็ไม่ได้แปลว่าไต้หวันจะเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของจีนที่ไร้ความสำคัญ

ตรงกันข้าม อ่านจากเอกสารนี้จะเห็นว่าหลังการรวมชาติแล้ว ปักกิ่งพร้อมจะเชิญชวนประเทศต่างๆ พัฒนาความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมกับไต้หวันต่อไป 

ระบุถึงขั้นที่บอกว่า ประเทศเหล่านั้นควรตั้ง "สถานกงสุล" หรือ "หน่วยงานกึ่งทางการ" ในไต้หวัน 

                    และองค์กรระหว่างประเทศก็สามารถจัดตั้งสำนักงานบนเกาะไต้หวัน 

แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ทั้งสิ้นทิ้งปวงนี้ต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลจีนก่อน 

คำปลอบประโลมสำหรับคนไต้หวันจากเอกสารนี้คือคำมั่นสัญญาจากปักกิ่งว่าภายหลังการรวมชาติ ไต้หวันจะมีเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูเรืองรอง มีความมั่นคงและมีสถานภาพที่มีศักดิ์ศรีมากขึ้นกว่าเดิม

จังหวะเวลาของการเผยแพร่สมุดปกขาวนี้มีเป้าหมายของการส่งสัญญาณชัดๆ ไปทั่วโลกว่า

จีนเอาจริงแล้วนะ!

เพราะต้องถือว่าเป็นการออก ‘สมุดปกขาว’ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 

และเกิดขึ้นในบรรยากาศของความตึงเครียดอย่างยิ่งในช่องแคบไต้หวัน

จะเรียกว่าแย่ที่สุดตั้งแต่ ไช่ อิงเหวิน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีไต้หวัน ในปี 2016 และประกาศว่าไม่ต้องการให้ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนก็ว่าได้

เป็นไปได้ไหมว่าไต้หวันอาจจะออก “สมุดปกขาว” ว่าด้วย “การรวมชาติกับแผ่นดินใหญ่อย่างสันติ” เป็นการตอบโต้ได้เหมือนกัน?

แค่คิดก็อาจทำให้ปักกิ่งตะโกนลั่นว่า “อย่ายั่วยุ!”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ