คนไม่โกงอยู่ยาว

๑๗ สิงหาคม พรรคฝ่ายค้านจะยื่นตีความประเด็น "นายกฯ ๘ ปี"

พูดถึงความคาดหวัง

ฝ่ายค้านคาดหวังไว้สูงว่า นี่คือจุดจบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บนเส้นทางอำนาจ ในฐานะนายกรัฐมนตรี

คาดหวังไว้มากกว่าเมื่อครั้งยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเสียอีก

ผลจะออกมาเช่นไร อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ย้ำกันอีกที การวินิจฉัยกรณี นายกฯ ๘ ปี มีอยู่ ๓ แนวทาง

๑. นับจากวันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๗ หรือปีที่ทำรัฐประหาร กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน ๘ ปี

จะสิ้นสุดในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๕

๒.นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๖๐ วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐

หากเริ่มนับในวันดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เกิน ๘ ปี จะสิ้นสุดวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๘

เมื่อนับจากวันทพำรัฐประหาร ๒๕๕๗ พล.อ.ประยุทธ์ มีโอกาสเป็นนายกฯ รวมทั้งสิ้น ๑๑ ปี

และ ๓. นับจากหลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม ปี ๒๕๖๒

พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเลือกจากที่ประชุมรัฐสภา วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒

แนวทางนี้ ระยะเวลารวมกันไม่เกิน ๘ ปี ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะสิ้นสุดวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๗๐ หรือในทางปฏิบัติ

และหากนับตั้งแต่การทำรัฐประหารปี  ๒๕๕๗ ในทางทฤษฎี พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสเป็นนายกฯ รวม ๑๓ ปี

นั่นคือ ๒ แนวทางหลักที่มีการวิพากษ์วิจารณ์

ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตามแนวทางไหน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น

เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๑๑  วรรคท้าย ที่บัญญัติว่า...

"...คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ

และหน่วยงานของรัฐ..."

ใครจะด่า โจมตี ให้ร้าย หรือวิจารณ์อย่างไร ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย 

เช่นเดียวกับคำพิพากษาในกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ

อาทิ กรณีศาลภาษีอากรกลางตัดสินให้เพิกถอนประเมินเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปตามที่ ทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้อง เหตุดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เพราะไปออกหมายเรียก “โอ๊ค-เอม” แทน

ก็ต้องเป็นไปตามคำพิพากษา

"ทักษิณ" ชนะคดี

กลับมาที่กรณี นายกฯ ๘ ปี กติกาก็ง่ายๆ หลังวันที่ ๒๓ สิงหาคม หากศาลสั่งก่อนมีคำวินิจฉัยว่า ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฮัย 

ก็ต้องมีรองนายกรัฐมนตรี ๑ คน ปฏิติหน้าที่แทน

ซึ่งเขาคนนั้นคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

หากศาลไม่มีคำสั่งใดๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

เมื่อไปถึงวันที่ศาลวินิจฉัย หากคำวินิจฉัยออกมาว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์สิ้นสุดลงในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นนายกรักษาการ ไปจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน

เป็นไปหลักการบริหารราชการแผ่นดินต่อเนื่อง  เพื่อไม่ให้เกิดสูญญากาศทางการเมือง

และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ๘ ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ไปสิ้นสุดในปี ๒๕๖๘ หรือ ๒๕๗๐ แล้วแต่กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อจนหมดวาระของสภาผู้แทนราษฎร เดือนมีนาคมปีหน้า

จากนั้นทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีการเลือกตั้งช่วงปลายเดือนเมษายน ต้นเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๖๖  และตั้งรัฐบาลใหม่

หากรัฐบาลใหม่เปลี่ยนขั้วการเมือง เส้นทางการเมืองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็หยุดลงชั่วคราว

และหากรัฐบาลใหม่อายุสั้น ต้องมีการเลือกตั้งอีกครั้งใหม่ก่อนปี ๒๕๖๘ หรือ ๒๕๗๐ แล้วแต่กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ยังกลับมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองได้อีกครั้ง

หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งก็เป็นได้ถึงปี ๒๕๖๘ หรือ ๒๕๗๐ แล้วแต่กรณี

เส้นทางทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีอยู่แค่นั้น ไม่ได้พิศดารอะไร 

เอาเข้าจริง แม้จะผ่านกรณี นายกฯ ๘ ปี ไปได้ การกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมีส.ว. ๒๕๐ เสียงรองรับอยู่ก็ตาม

เพราะการเมืองไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์

ยังมีตัวแปรอื่นๆอีกมากมาย ที่จะกำหนดว่า การเมืองควรเดินไปในทิศทางไหน

มันก็เหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคนที่ผ่านมา ล้วนมีโอกาสอยู่ในตำแหน่งยาวนานทั้งสิ้น หากมีปัจจัยเอื้อให้เป็นเช่นนั้น

ปัจจัยแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกันออกไป

เมื่อวันเสาร์ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ผู้มีตำแหน่งแปลกๆ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย  ถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์            "...ถามตรง ถึงประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งได้ถึง ๘ ปี และมีเพียงพรรคการเมืองเดียวที่ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล แล้วก็ชนะอีกในครั้งถัดมา เป็นรัฐบาลต่อเนื่อง บางสมัยได้ที่นั่งเกินครึ่ง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ คือพรรคไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย

ถ้าไม่มีรัฐประหาร ๒๕๔๙ ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นนายกฯเลือกตั้งคนแรกที่อยู่ครบ ๘ ปี และอาจอยู่ต่อได้มากกว่านั้น      หรือถ้าไม่มีรัฐประหาร ๒๕๕๗ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อาจเป็นนายกฯ ๘ ปีได้เช่นกัน

การบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ห้ามนายกฯดำรงตำแหน่งเกิน ๘ ปี แล้วมีนักกฎหมายบางส่วนอ้างว่า ช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯจากการรัฐประหาร คือคนละเรื่องกับนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ๖๐ เอามานับรวมไม่ได้ ก็ชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่”กฎหมาย” แต่เป็นการ”กดหัว” ที่เขียนไว้ใช้กับบางฝ่ายเท่านั้น

สมมติว่าคราวหน้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์  แล้วส่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเคยเป็นนายกฯไม่ถึง ๓ เดือน ขึ้นดำรงตำแหน่ง วิญญูชนทั้งหลายคิดว่าหากมีการนับวาระจะรวมเวลา ๓ เดือนนั้นในระยะเวลา ๘ ปีหรือไม่

หรือสมมติให้หนักขึ้น ถ้าดร.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาเป็นนายกฯได้ คิดว่าการนับวาระจะเป็นอย่างไร

ผมฟันธงว่าที่เป็นมาแล้วจะถูกนับรวม และอยู่ได้ไม่เกิน ๘ ปี

ความกลับกลอก ตะแบงช่วยพล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน บางคนไม่สนแม้กระทั่งคำพูดในอดีตของตัวเอง เป็นเพราะตอนเขียนคงไม่นึกว่าจะอยู่นานขนาดนี้ หรือถ้าอยู่ต่อจริง ยังมีศาลรัฐธรรมนูญคอยวินิจฉัยอีกที

ถ้าเจตนารมย์คือการป้องกันการสืบทอดอำนาจ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤติ กรณีนี้ต้องใช้กับพล.อ.ประยุทธ์ อย่างเคร่งครัดที่สุด เพราะรัฐบาลปัจจุบันคือการสืบทอดอำนาจเผด็จการ และบ้านเมืองกำลังวิกฤตทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

ผมเคยพูดไว้ว่ากลุ่มคนที่มาร่างรัฐธรรมนูญให้เผด็จการไม่ใช่นักกฎหมาย แต่คือผู้รับเหมาทำงานตามสั่ง จะเกิดวิกฤตสูญเสียอะไรข้างหน้าไม่สนใจ ไม่รับผิดชอบ จึงไม่ขอตั้งคำถามต่อคนกลุ่มนี้ แต่ขอถามตรงๆถึงผู้กำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าตัวเองเป็นนายกฯมาแล้วกี่ปีครับ..."

รัฐประหารไม่ถูกหรอกครับ แต่ถ้าไม่โกงอยู่นาน ๘ ปีสบายๆ ไม่มีใครทำไรได้

ดู "ลุงตู่" เป็นตัวอย่าง  ๒๓ สิงหาคม จะครบ ๘ ปีแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายทุนก้าวไกล

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

รวยแล้วไม่โกงไม่มี

นายกฯ เศรษฐาเปิดใจวานนี้ (๑๕ เมษายน) ฟังแล้วเหมือนเดจาวู "...มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องพูดเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของชีวิตส่วนตัว ส่วนตัวของผมลงตัวแล้ว มีรายได้ในอดีตที่ดีพอสมควร มีทรัพย์สินที่ทำให้อยู่ได้อย่างสบายๆ

รัฐบาลลิงแก้แห

ชี้แจงก็เหมือนไม่ชี้แจง ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คงจะหน้าเขียวไปตามๆ กัน เพราะถูกรัฐบาลบีบให้ร่วมโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต วงเงินที่รัฐบาลล้วงมาคือ ๑๗๒,๓๐๐ ล้านบาท