แนวทางการเมือง, ความมั่นคงและการทูตของอินเดียมีความละเมียดละไมและคล่องแคล่วอย่างน่าสนใจยิ่ง
ขณะที่เป็นสมาชิกของ Quad (จตุภาคี) ร่วมกับสหรัฐฯ, ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย อินเดีย ก็ไปร่วมซ้อมรบกับรัสเซียและจีนในภาวะที่สงครามยูเครนยังคุกรุ่น
ขณะที่ร่วมซ้อมรบกับจีน แต่ก็เปิดตัวเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สอง (ลำแรกที่สร้างเอง) ซึ่งส่งสัญญาณว่าอินเดียก็ยังมองจีนเป็นคู่แข่งที่สำคัญในน่านน้ำแถบนี้
นายกฯ นเรนทรา โมดี ไปเป็นประธานในการเปิดตัว INS Vikrant เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ของอินเดียเอง และตอกย้ำว่า
“INS Vikrant มิใช่เป็นเพียงเรือรบเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่น, ความชาญฉลาด, อิทธิพลและข้อผูกมัดของอินเดียในศตวรรษที่ 21 อีกด้วย”
แม้ทางการอินเดียจะไม่พูดถึงจีนอย่างเปิดเผยในฐานะเป็นคู่แข่งในย่านนี้ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องต้องกันว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างเสริมแสนยานุภาพทางทะเลเพื่อคานอิทธิพลของจีนอย่างปฏิเสธไม่ได้
เพราะ INS Vikrant ถือว่าเป็นเรือรบลำใหญ่ที่สุดที่อินเดียเคยสร้าง
เสริมส่งความภาคภูมิใจว่าทุกส่วนของเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้เป็นฝีมือของกว่าร้อยบริษัทในอุตสาหกรรมทางทหารของอินเดียเองทั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้ อินเดียมีเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรก INS Vikromdit ซึ่งซื้อมาจากรัสเซียในปี 2004 และนำมาปรับปรุงเสริมแต่งให้เหมาะกับยุทธศาสตร์ทางทะเลของอินเดีย
ที่ต้องดูแลผลประโยชน์ของตนในมหาสมุทรอินเดียและอ่าวเบงกอล
เมื่อเร็วๆ นี้จีนเปิดตัวเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามชื่อ Fujian และกำลังเร่งสร้างอีก 2 ลำเพื่อสร้างแสนยานุภาพทางทะเลอย่างคึกคักในภาวะที่มีความตึงเครียดในความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในย่านนี้
จีนกับอินเดียมีเรื่องบาดหมางกันเมื่อไม่นานมานี้ว่า การที่มีเรือของจีนมาปักหลักที่ท่าเรือ Hambantota ของศรีลังกาใกล้อินเดีย
อินเดียอ้างว่าเรือจีนลำนี้มีภารกิจ “จารกรรม”
ปักกิ่งแจ้งว่าเป็นเพียงการมาพักชั่วคราวเพียง 7 วัน
เมื่ออินเดียส่งเสียงประท้วง ศรีลังกาก็ทำท่าว่าจะขอให้จีนชะลอการมาเทียบท่าของเรือจีนลำนี้
แต่จีนก็ยืนยันกับศรีลังกาว่าไม่ควรจะฟังเสียงคัดค้านของอินเดีย เพราะปักกิ่งบอกว่าฟังไม่ขึ้น
ท้ายที่สุดศรีลังกาก็ยอมตามจีน
ทำให้อินเดียยิ่งมีความกังวลเรื่องความมั่นคงของตนที่มีเรือรบจีนแวะเวียนมาใกล้ๆ บ้านเป็นประจำเช่นนี้
จีนอ้างว่าที่จำเป็นต้องมีกองเรือที่ขยายบทบาทขึ้น ก็เพราะต้องการปกป้องเส้นทางขนส่งผ่านช่องแคบมะละกาไปถึงช่องแคบฮอร์มุซในตะวันออกกลาง
ช่องแคบฮอร์มุซเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันของจีนถึง 40% และช่องแคบมะละกาเป็นทางผ่านของน้ำมันนำเข้าของจีนถึง 82%
นักยุทธศาสตร์บางสำนักเรียกเส้นทางนี้ว่า Hormuz-Malacca Dilemma เพราะเป็นจุดอ่อนไหวสำหรับจีน
นั่นคือเหตุผลที่จีนได้สร้างฐานทัพหลายๆ แห่งรอบๆ เพื่อนบ้านของอินเดียและหมู่เกาะต่างๆ ในน่านน้ำบริเวณนั้นเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของเส้นทางเดินเรือของตน
เรียกจุดเชื่อมต่อทางด้านความมั่นคงนี้ว่าเป็น String of Pearls หรือ “สร้อยไข่มุก”
อันหมายถึงเครือข่ายของสิ่งอำนวยความสะดวกทางการทหารและการค้าของจีน ตลอดจนความสัมพันธ์ตลอดแนวการสื่อสารทางทะเล ซึ่งขยายจากแผ่นดินใหญ่ของจีนไปยังพอร์ตซูดานใน Horn of Africa
เป็นยุทธศาสตร์จีนล้อมอินเดียผ่านน่านน้ำตั้งแต่ช่องแคบมะละกา, ช่องแคบฮอร์มุซ, ช่องแคบ Mandeb ผ่านท่าเรือ Gwadar Port ในปากีสถานและท่าเรือ Hambantota ของศรีลังกา
จีนถือว่าการสร้างกองเรือใหญ่ขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการปกป้องผลประโยชน์ทางความมั่นคงและการพาณิชย์ของตน
แต่เมื่ออินเดียประกาศเปิดตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ย่อมจะหมายความว่าอินเดียก็ไม่ยอมให้จีนมาสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางทะเลที่ “ปิดล้อม” อินเดียได้
INS Vikrant ออกแบบโดยกองทัพเรืออินเดีย และสร้างขึ้นที่อู่ต่อเรือโคชิน ทางตอนใต้ของประเทศ มีความยาว 262 เมตร
มีความสามารถบรรทุกลูกเรือได้ 1,600 คน และเครื่องบิน 30 ลำ มีระวางขับ 47,400 ตัน
รัฐบาลประกาศจะเข้าประจำการอย่างเต็มรูปแบบปีหน้า
ใช้งบประมาณเกือบ 1 แสนล้านบาท
ก็ด้วยความระแวงต่อจีน เมื่อปีที่แล้วอินเดียส่งเรือรบ 4 ลำไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทะเลจีนใต้ และอินโด-แปซิฟิก เพื่อร่วมซ้อมรบกับกลุ่ม Quad อย่างเปิดเผย
แต่ปีนี้อินเดียร่วมซ้อมรบกับจีนเพราะรัสเซียเชื้อเชิญ
นายกฯ โมดียอมรับว่าอินเดียต้องให้ความใส่ใจกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะพออินเดียหันมาทางทะเลอีกครั้งก็เห็นจีนสยายปีกออกไปอย่างคึกคัก
จีนเรียกกองทัพเรือของตนว่า PLAN (PLA Navy) ที่มียุทธศาสตร์ “blue water force” หรือยุทธศาสตร์น่านน้ำทะเลลึกมากว่า 10 ปีแล้ว
ตามข่าวกรองของอเมริกา PLAN มีเรือทั้งหมด 355 ลำ ซึ่งรวมถึงเรือดำน้ำ
คาดว่า กองเรือรบของจีนจะขยายไปถึง 420 ลำภายในปี 2025 และ 460 ลำ ภายในปี 2030
นี่คือภาพการแข่งขันทางทะเลระหว่างสองยักษ์ของเอเชียที่กำลังปรับยุทธศาสตร์ทางน่านน้ำอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


