เครื่องพิสูจน์เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นี้ถือเป็นช่วงวัดใจที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศจะโตได้จริงที่เท่าไหร่ แม้ว่าหลายหน่วยงานจะออกมาการันตีและยืนยันแล้วว่ายังไงเศรษฐกิจไทยก็ต้องโต และโตกว่าปีก่อนหน้านี้ที่ยังคาราคาซังกับปัญหาของโควิดแน่นอน แต่เท่าที่ดูก็อาจจะมีโอกาสเป็นไปได้ เนื่องจากปัจจุบันไทยได้เปิดประเทศและรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางในการฟื้นอุตสาหกรรมทำเงินของประเทศให้กลับคืนมาได้ถูกช่วงถูกเวลา แต่จากตัวเลขประเมินเศรษฐกิจจริงๆ นั้น ส่วนใหญ่มักจะมาจากกลุ่มอุตสาหรรมขนาดใหญ่ หรือธุรกิจที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาค

แต่ในมุมของกลุ่มธุรกิจรายย่อยๆ นั้นอาจจะยังได้รับผลกระทบต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะเริ่มเห็นช่องทางที่กลับมาแล้วแต่ก็อาจจะฟื้นตัวไม่ทัน เนื่องจากต้องใช้เวลามากกว่ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้เองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องมีเครื่องมือและมาตรการเข้ามาช่วยสนับสนุน

ซึ่งแน่นอนว่ามีมากมายเหลือเกิน อย่างโครงการ Angel Fund (แองเจิล ฟันด์) ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ร่วมมือกับบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

โดยโครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนเงินทุนแบบให้เปล่า และโครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup Connect มุ่งพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจ เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกกลุ่มเพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการตลาดอย่างเหมาะสม โดยจัดต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 7 ปีแล้ว ควบคู่ไปกับโครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup Connect ซึ่งล่าสุดผลการดำเนินงานทั้ง 2 โครงการในปี 2565 สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้ประเทศรวมถึง 420 ล้านบาทแล้ว

ซึ่งในภาพรวม ดีพร้อมได้ส่งเสริมและพัฒนาสตาร์ทอัประยะเริ่มต้น จำนวน 44 ธุรกิจ จำนวนนี้มี 6 ธุรกิจได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ Angel Fund เกิดการจัดตั้งบริษัทใหม่และจ้างงานในประเทศไม่น้อยกว่า 130 คน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวมไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาท ขณะที่โครงการ Startup Connect ซึ่งมุ่งเน้นกิจกรรม Co-creation การสร้างนวัตกรรมร่วม หรือการเปิดช่องทางให้สตาร์ทอัปได้มีโอกาสทำงานร่วมกับพันธมิตรเอกชนรายใหญ่ และทดลองใช้นวัตกรรมหรือโซลูชันส์ในตลาดจริง (Proof of Concept: POC) 

อีกทั้งยังช่วยเชื่อมโยงสตาร์ทอัปเข้าถึงตลาดภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท พร้อมเชื่อมโยงไปสู่แหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ (VC/CVC) 115 ล้านบาท รวมสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท 

นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ผลการดำเนินงานยังแสดงให้เห็นถึงแนวคิดการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัปในหลากหลายสาขาที่มีความน่าสนใจ และมีความเกี่ยวข้องกับ “เทคโนโลยีเชิงลึก” (Deep Technology) ทั้ง 12 ด้าน อาทิ การแพทย์ครบวงจร การเกษตร อาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ แพลตฟอร์มดิจิทัล เทคโนโลยีการเงิน อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ เกิดเป็นนวัตกรรมที่หลากหลาย 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีกลุ่มธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการและสามารถพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงเกิดการลงทุนในด้านต่างๆ มากมาย อาทิ EMMA-เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 12 ลีดอัจฉริยะ สามารถวิเคราะห์และจำแนกเคสที่ผิดปกติของโรคหัวใจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำ ราคาเข้าถึงได้, Planet C-แพลตฟอร์มช่วยบริหารจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบเรียลไทม์สำหรับอุตสาหกรรม, Electronic Nose เครื่องตรวจวัดกลิ่นแบบดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ, MUU นมวัวที่ผลิตโดยไม่ใช้วัว ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารของโลก 

รวมถึงยังมี YABEZ Sorderm Cream/Lotion ยารักษาผิวหนังอักเสบ, Maxflow-เครื่องปรับคุณภาพน้ำด้วยสนามแม่เหล็กถาวร สำหรับการเพาะปลูก, UPCYDE leather หนังเทียมจากขยะทางการเกษตร, iRon-X ชุดฝึกแขนกลหุ่นยนต์, OXYMILK เครื่องนวดกระตุ้นน้ำนมคุณแม่ในช่วงให้นมลูก และ Renewsi ซิลิกอนเกรดแบตเตอรี่จากขยะโซลาร์เซลล์ สำหรับทำเป็นขั้วไฟฟ้าในเซลล์แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนยานยนต์ไฟฟ้า

แน่นอนว่า ความมุ่งมั่นที่จะผลักดันกลุ่มสตาร์ตอัปและธุรกิจรายย่อยๆ ของโครงการดังกล่าวนี้น่าจะเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมในปี 2565 นี้เติบโตได้อย่างเต็มที่ และเติบโตครบถ้วนในทุกกลุ่มธุรกิจ.

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเกรดอุตฯเหล็กรับมาตรการCBAM

การเดินหน้ามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) นั้น ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากของกลุ่มผู้ผลิต

'หนี้ครัวเรือน'แนวโน้มชะลอแต่สัดส่วนยังสูง

“หนี้ครัวเรือน” เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตา โดยจากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ระบุว่า ภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท

เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหนต่อ

ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยเวลานี้เหมือนคนป่วยโรคเรื้อรัง ที่อาการแค่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่รักษายังไม่หายขาด ส่งผลให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ยังคงติดๆ ขัดๆ นับตั้งแต่ผ่านพ้นจากวิกฤตโควิดมากว่า 2 ปี

ไทยจะเป็นฮับเอทานอล

ประเทศไทยหลังจากที่ผลัดเปลี่ยนรัฐบาลชุดนี้ ก็ตั้งเป้าการทำงานที่หลากหลายและแปลกตามากขึ้น แน่นอนว่าหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล

เดินให้สุดทำอย่างจริงจัง

ปัจจุบันพบปัญหาถังก๊าซหุงต้มในท้องตลาดเสื่อมสภาพและหมดอายุตกค้างอยู่ในระบบจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการลักลอบนำถังก๊าซหุงต้มมาเติมในสถานีบริการ LPG เป็นระยะ ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว

ดันสงกรานต์ไทยสู่เทศกาลโลก

หลังจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงมหาดไทย จับมือจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567”