อยู่ดีๆ ก็มีการพูดถึง “อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี” ที่แตกต่างไปจาก “อาวุธนิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์”
เพราะตะวันตกอ้างว่ารัสเซียอาจจะกำลังคิดใช้อาวุธร้ายแรงอย่างแรกในสนามรบยูเครน
ทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ต้องออกมาบอกว่าขอเตือนไปยังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่าถ้ากำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ขอเตือนว่า
“อย่า, อย่า, อย่า!” (Don’t, Don’t, Don’t)
เพราะมันอันตรายมากสำหรับทั้งผู้ใช้อาวุธร้ายแรงเช่นนี้ และผู้ที่จะต้องตอบโต้อย่างทันควัน
อะไรคือความแตกต่างระหว่างอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (Tactical Nuclear Weapons) กับอาวุธนิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Nuclear Weapons)?
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้คือ
นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีมีขนาดเล็ก เกิดผลระเบิดไม่กี่กิโลตัน มักใช้กับระบบอาวุธทั่วไป เช่น ปืนใหญ่หรือเครื่องบินจู่โจมในระยะสั้น
เป้าหมายการใช้แบบนี้คือการสลายกองกำลังศัตรูในสนามรบนี้
เป็นได้ทั้งเพื่อการโจมตีในการรุก (offensive)
และเป็นได้ทั้งเป็นการตั้งรับ (defensive)
อาวุธนิวเคลียร์ใช้เป็นอาวุธในการตั้งรับ (defensive) ด้วยหรือ?
คำตอบคือได้
เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งเห็นกองกำลังของศัตรูเตรียมโจมตีคุณ ก็อาจจะทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีลงไปเพื่อสลายกองกำลังของฝ่ายตรงกันข้ามเพื่อสกัดกั้นการโจมตีก่อน
อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ใกล้กับกองกำลังที่เป็นมิตรหรือแม้กระทั่งในเขตแดนที่เป็นมิตร
ด้วยเหตุนี้ อาวุธเหล่านี้จึงให้พลังทำลายค่อนข้างต่ำและผลกระทบน้อย
แต่ก็ต้องการจะข่มขู่ฝ่ายตรงกันข้ามให้กลัวด้วยเช่นกัน
ส่วน “นิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์” นั้นเป็นเรื่องใหญ่ มีพลังการทำลายล้างสูง
นั่นคือขีปนาวุธพิสัยไกลขนาดใหญ่ยิงใส่เป้าหมายที่มีมูลค่าสูงในดินแดนของศัตรู
เช่น ท่าเรือ ฐานทัพทหาร ศูนย์บัญชาการและควบคุม ขีปนาวุธนิวเคลียร์ของฝ่ายตรงกันข้าม
การตัดสินใจใช้ Strategic Nuclear Weapons คือการพุ่งเป้าทำลายความสามารถของศัตรูในการทำสงคราม
ซึ่งบางครั้งก็รวมถึงเป้าหมายพลเรือน เพราะไม่อาจจะควบคุมรัศมีการทำลายล้างของระเบิดที่มีอำนาจการทำลายล้างสูงได้เสมอไป
หากเราเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ ที่ถูกทิ้งลงเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่มีกว่าหลายแสนคน อาวุธนิวเคลียร์วันนี้สามารถทำลายล้างได้มากกว่านั้นถึง 500 เท่า!
ปูตินปฏิเสธข้อกล่าวหาจากสหรัฐฯ ที่ว่ามอสโกกำลังวางแผนจะใช้อาวุธนิวเคลียร์แบบยุทธวิธีในยูเครน
แม้ว่าจะเคยสั่งให้หน่วยรบเกี่ยวกับนิวเคลียร์ของรัสเซียให้ “เตรียมพร้อม” ตอนที่เริ่มสงครามใหม่ๆ
แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ปูตินยืนยันเป็นครั้งแรกในประเด็นการบุกตอบโต้ของยูเครนว่าไม่ได้ทำให้รัสเซียต้องเปลี่ยนแผน
ยูเครนอ้างว่าการบุกโจมตีตอบโต้ของกองทัพของตนทำให้สามารถยึดพื้นที่คืนมาได้กว่า 8,000 ตร.กม. ในช่วงเวลาแค่ 6 วัน ในภูมิภาคคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน
แต่ปูตินย้ำว่ารัสเซียไม่ได้เร่งรีบอะไร ยังทำตามขั้นตอนที่วางเอาไว้เดิม
และปฏิบัติการในภูมิภาคดอนบาสยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ปูตินยังเกทับว่า ถึงตอนนี้รัสเซียยังไม่ได้ใช้กำลังทหารอย่างเต็มที่เท่าที่มีเลย
"ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในภูมิภาคดอนบาสไม่ได้หยุดยั้งลง แต่ยังเดินหน้าต่อ ไม่ได้เร่งรัดอะไร ค่อยๆ ยึดพื้นที่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ"
นั่นคือถ้อยแถลงของปูตินหลังการประชุมสุดยอดที่อุซเบกิสถานของ Shanghai Cooperation Organization
ปูตินสำทับด้วยว่าจะมีการตอบโต้ที่ "รุนแรงมากขึ้น" หากยูเครนยังโจมตีต่อเนื่อง
ต่อมาในวันเดียวกัน ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ออกโรงเตือนรัสเซียว่าอย่าใช้อาวุธเคมีหรืออาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีเพื่อทำสงครามในยูเครน
ไบเดนบอกรายการ 60 Minutes ของ CBX News ว่าถ้ารัสเซียใช้อาวุธร้ายแรงก็จะเท่ากับเป็นการ "พลิกโฉมการเผชิญหน้ากันในสงคราม ในแบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2"
แต่ไบเดนไม่ได้บอกว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างไรหากมีการใช้อาวุธดังกล่าวขึ้นมาจริงๆ
ประเทศมหาอำนาจในโลกที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในคลังแสงคือ รัสเซีย, สหรัฐฯ, จีน
เชื่อกันว่ารัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,977 ชุด
ทั้งนี้ เป็นไปตามรายงานของสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (Federation of American Scientists--FAS)
ในรายการนั้น พิธีกรถามไบเดนว่าจะบอกอะไรกับปูติน ถ้าเขากำลังพิจารณาใช้อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงในยูเครน
"อย่า อย่า อย่า" คือคำเตือนจากไบเดน
แล้วถ้าปูติน “ล้ำเส้น” ล่ะ?
ไบเดนสวนทันทีว่า
"คุณคิดว่าผมจะบอกคุณถ้าผมรู้ว่ามันคืออะไรหรือ แน่นอนผมจะไม่บอกคุณ แต่มันจะมีผลกระทบตามมาแน่นอน" และย้ำว่า
"พวกเขา (รัสเซีย) จะกลายเป็นคนนอกคอกของโลกใบนี้มากกว่าที่เคยเป็นมา และขึ้นอยู่กับขอบเขตของสิ่งที่พวกเขาทำ จะเป็นตัวกำหนดว่าการตอบสนองจะเกิดขึ้นอย่างไร"
เอาเข้าจริงๆ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ ก็คงหนีไม่พ้นต้องเจอกับการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์
นั่นหมายถึงหายนะของมนุษยชาติที่ทุกฝ่ายพยายามจะหลีกเลี่ยง
แต่จะอันตรายอยู่ที่การ “ประเมินผิดพลาด” หรือ miscalculation อันจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง
และนั่นอาจจะนำไปสู่การใช้อาวุธร้ายแรงที่อยู่เหนือการควบคุมของทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เช่นที่ ดมิทรี เมดเวเดฟ, รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย, คนสนิทของปูตินที่เพิ่งออกมาบอกว่า ถ้ารัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครน ประเทศนาโตและสหภาพยุโรปก็อาจจะไม่มาช่วยยูเครน เพราะย่อมจะต้องกังวลความมั่นคงปลอดภัยของตนมากกว่า
นี่เป็นตัวอย่างของการ “ประเมินผิดพลาด” หรือเปล่า เป็นประเด็นที่ต้องมีการวิเคราะห์กันอย่างรอบด้านจริงๆ
เพราะหากประเมินผิด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด จุดล่มสลายของมนุษยชาติไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่เราคิด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


