วิปโยคที่หนองบัวลำภู

พูดไม่ออกครับ

เศร้าโศก สะเทือนใจ อย่างที่สุด

เป็นอีกวันที่ประเทศไทยต้องร้องไห้

โลกต้องแสดงความเสียใจ กับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ ที่หนองบัวลำภู

เราผ่านเหตุกราดยิงที่ นครราชสีมา เมื่อปี ๒๕๖๓ มีผู้เสียชีวิตไปรวม ๓๑ คน ซึ่งถือเป็นการกราดยิงครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

แต่มาวันนี้เลวร้ายกว่ามาก

ยิ่งติดตามความคืบหน้าของข่าวสารก็ยิ่งเครียดและหดหู่

ครับ...ตามคำแถลงข่าวของ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจภาค ๔ สรุปว่า ...คนร้ายเป็นอดีตตำรวจ ใช้ปืนยาวลูกซอง, ปืนสั้น, มีดฟัน โดยใช้อาวุธหลากหลาย บุกเข้าศูนย์เด็กเล็ก

เบื้องต้น สาเหตุมาจากเครียด อยากระบาย เก็บกด เคียดแค้นจากการถูกไล่ออกจากราชการ ประกอบกับที่ผ่านมามีอาการหลอนยาจากการเสพยาบ้า ยาไอซ์

ใช้ปืนยิงทุกคนที่ขวางหน้า

คนร้ายเลือกก่อเหตุกับศูนย์เด็กเล็ก เพราะคนร้ายเล็งว่าเป้าหมายอ่อนแอ ก่อเหตุสำเร็จง่าย...

มูลเหตุจูงใจกราดยิงที่โคราช ได้รับการยืนยันจากพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในขณะนั้นว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา มือปืน "ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ"

ประเด็นนี้ถูกนำไปขยายความโดยฝ่ายการเมือง พุ่งเป้าไปที่การปฏิรูปกองทัพ

นักการเมืองฝ่ายค้านมองว่ากองทัพเป็นแดนสนธยา ทั้งๆ ที่ฝ่ายค้านก็เคยเป็นรัฐบาลมาก่อนหลายสมัย กลับไม่มีนโยบายปฏิรูปกองทัพที่เป็นรูปธรรมแต่ประการใด

ก็ต้องแยกประเด็นครับ การไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่อาจเป็นเหตุให้ใช้อาวุธสงครามไล่สังหารผู้อื่น

เป็นความอัปยศของนักการเมือง ที่ขณะนั้นปั่นกระแส เรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม จนภาพของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา กลายเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อการปฏิรูปกองทัพ

มาคราวนี้ เริ่้มพูดกันแล้วครับว่า เป็นความผิดของรัฐบาลที่ไม่ปฏิรูปตำรวจ

หรือแม้กระทั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องรับผิดชอบ กับเหตุการณ์กราดยิงเด็กเล็กในครั้งนี้ด้วย 

"วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนเก่งจากพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นเอาไว้แบบนี้ครับ....

...จากเหตุการณ์ #กราดยิงโคราช จนมาถึง #กราดยิงหนองบัวลําภู สะท้อนว่าในวงการทหาร และตำรวจ ต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงปัญหาสุขภาพจิต และปัญหาการบังคับบัญชา ฯลฯ ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้

ก็เท่ากับว่า ชีวิตของประชาชนต้องตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงของคนที่มีอาวุธอยู่ในมือเหล่านี้...

ถูกครับ! แต่ไม่ทั้งหมด

ทุกองค์กรล้วนมีคนที่สร้างปัญหาได้เสมอ พรรคการเมืองก็เหมือนกัน

ส่วนต้นตอมีทั้งปัญหาส่วนตัว และปัญหาจากองค์กร แล้วแต่กรณี

เรื่องเก็บกด เคียดแค้น เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาไม่ใช่เรื่องใหม่

โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ มักเกิดปัญหาลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง

แต่ไม่อาจเป็นเหตุให้ไปฆ่าผู้อื่นได้

และกรณี "ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ" ใช้อาวุธสังหารเด็กเล็ก แล้วฆ่าตัวตายไปพร้อมครอบครัว ไม่อาจนำไปสู่ข้อสรุปว่าวงการทหารและตำรวจ โดยภาพรวมมีปัญหาสุขภาพจิต

หากใช้ตรรกะของ "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" มาตัดสิน เราจะไว้ใจทหาร-ตำรวจ ทุกนายไม่ได้เลย

ฉะนั้นต้องดูเป็นกรณีไป

เมื่อโฆษกกองบัญชาการตำรวจภาค ๔ สรุปว่า สาเหตุมาจากเครียด อยากระบาย เก็บกด เคียดแค้นจากการถูกไล่ออกจากราชการ ประกอบกับที่ผ่านมามีอาการหลอนยาจากการเสพยาบ้า ยาไอซ์

ก็ต้องกลับไปดูว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร และมีอะไรน่าสงสัยหรือไม่

ไม่มีเหตุการณ์นี้ ก็มีความจำเป็นต้องปฏิรูปตำรวจอยู่แล้ว แต่การปฏิรูปตำรวจใช่ว่าจะแก้ปัญหานิสัยส่วนตัวของคนบางคนได้

เช่นเดียวกับการปฏิรูปการเมือง ที่มีการเรียกร้องกันมาโดยตลอด แต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับจากนักการเมืองเท่าที่ควร

แม้การปฏิรูปการเมืองจะเกิดผลสำเร็จ ก็ใช่ว่าจะแก้สันดานส่วนตัวของนักการเมืองบางคนได้

เพื่อความเป็นธรรมกับ "ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ" และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สิ่งที่เกิดก่อนเหตุการณ์นี้ น่าจะอธิบายเรื่องราวได้ชัดเจนกว่า

ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีคนบอกว่า คนตายเสียเปรียบเพราะฟื้นขึ้นมาชี้แจงไม่ได้

คำสั่ง ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ ๓๙๒/๒๕๖๕ เรื่อง ลงโทษไล่ออกจากราชการ พอที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างเป็นกลางที่สุด

คำสั่งไล่ออกสืบเนื่องจาก "ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ" กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีต้องหาคดีอาญาข้อหา "มียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า หรือเมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย"

กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ รวมทั้งการกระทำผิดตามมาตรา ๗๘ (๑) อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามความในมาตรา ๗๙ (๕) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ ประกอบกับ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องยาเสพติด พ.ศ.๒๕๔๒ โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิด ดังนี้

เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๕ เวลาประมาณ ๑๓.๓๕ น. มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีพฤติกรรมการดื่มสุราแล้วก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับบุคคลอื่น

เจ้าตัวยอมรับว่าเคยเสพยาเสพติดจริง (ยาบ้าและยาไอซ์)

ผลการตรวจค้นบ้านพัก พบยาบ้า ลักษณะรูปทรงกลม-แบน ด้านหนึ่งเรียบ เม็ดสีแดงจำนวน ๑ เม็ด

"ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ" ให้การว่า เป็นของตนจริง

คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลจังหวัดหนองบัวลำภู

และคณะกรรมการสอบสวนมีมติเอกฉันท์ว่า พฤติการณ์ของ "ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ" มีมูลเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง        

เห็นควรลงโทษ "ไล่ออก"

คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการพิจารณาสั่งลงโทษ ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ไล่ออก ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๕

ยาบ้าเม็ดเดียว เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือไม่ ประเด็นนี้่ฝ่ายที่โต้แย้งน่าจะเตรียมถล่มสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว

พลเรือนครอบครองยาบ้า ๑ เม็ด กับเจ้าหน้าที่ตำรวจครอบครองยาบ้า ๑ เม็ด มีความแตกต่างกันอย่างไร

ฉะนั้นการสะสางเพื่อความชัดเจนจึงเป็นสิ่้งจำเป็น

เช่นเดียวกันครับ ปฏิรูปการเมืองเรียกร้องกันปากจะฉีก แต่นักการเมืองแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองล้วนๆ แล้วแหกปากชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์แน่ๆ

เข้าไปดูเนื้อใน นายกฯ หนี รัฐมนตรีติดคุก

แต่พรรคต้นสังกัดยังลอยหน้าลอยตาเฉย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยิ่งปรับยิ่งชินวัตร

ยังเป็นที่คาใจกันอยู่ การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ของ "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" เพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่

'ครม.ทักษิณาฐา'

ส่องกันอยู่ร่วมเดือน รัฐมนตรี ว่าที่รัฐมนตรี ลุ้นกันชนิดกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับกันหลายวัน เพราะคนที่อยู่ไม่รู้ว่าจะหลุดหรือไม่ ส่วนคนมาใหม่ไม่รู้จะได้เสียบหรือเปล่า

'นักโทษ'ตรวจการบ้าน

ยกประเทศให้ไปเลยดีมั้ยครับ นานๆ ประชดที เพราะทนเห็นบางคนยังใช้สันดานเดิม เป็นสันดานที่ทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง ๑๗ ปีไม่ได้

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตายหมู่ไปกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท