เช็กสภาพจิตตำรวจ

      เหตุสุดเศร้าสลด คนร้ายก่อเหตุกราดยิงเด็กและครูพี่เลี้ยง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แม้ ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ ผู้ก่อเหตุ จะเป็นอดีตตำรวจ สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู เพราะถูกไล่ออกจากราชการ หลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เสพยาจนหลอนและกดดันเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดี แต่เมื่อเคยเป็น  ตำรวจ สิ่งที่ ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำสูงสุดตำรวจ ออกมากล่าว “ผมขอโทษแทนอดีตลูกน้องต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

เป็นสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม เพราะอย่างไรเสียการได้ชื่อว่าเป็น อดีตตำรวจ ก็ย่อมเกี่ยวโยงมาถึง รวมทั้งการประกาศจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน และจะถอดบทเรียนนี้มาใช้ในการปฏิบัติงาน  เป็นสิ่งที่ต้องรีบดำเนินการ รวมทั้งต้องเพิ่มมาตรการเชิงรุกให้แก่ศูนย์ให้คำปรึกษาเฉพาะทาง โรงพยาบาลตำรวจ เข้ามาช่วยเหลือตำรวจที่มีปัญหาสุขจิตแบบเข้มข้นจริงจัง นอกเหนือจากการรอให้ ตำรวจ ที่มีปัญหาติดต่อเข้ามาขอคำแนะนำเองผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก Depress We Care  โทร.08-1932-0000 โดยเฉพาะการตรวจสุขภาพจิตตำรวจที่อาจจะต้องบ่อยกว่าการตรวจประจำปี เพราะ ตำรวจ มีปืนอยู่ในมือ หากสภาพจิตไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ๐

จำได้ว่าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ สมัยเป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบช.สกพ. ติดยศ พล.ต.ท. เคยให้ข้อมูลการวิเคราะห์ปัญหาความเดือดร้อน ปัญหาสุขภาพจิตของตำรวจ  จนนำไปสู่สาเหตุการฆ่าตัวตาย มาจากปัญหาสุขภาพเป็นอันดับแรก รองลงมาคือปัญหาหนี้สิน รวมถึงปัญหาอื่นๆ เช่น เรื่องส่วนตัว ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตำรวจฆ่าตัวตาย  โดยสถิติตั้งแต่ปี 2551-2564 มีตำรวจเสียชีวิต 443 นาย เกิดจากปัญหาสุขภาพ 129 นาย ปัญหาอื่นๆ 121 นาย ปัญหาครอบครัว 98 นาย ปัญหาส่วนตัว 39 นาย ปัญหาหนี้สิน 38  นาย ปัญหาเรื่องงาน 18 นาย โดยในปี 2564 มีการสรุปสาเหตุการตาย 21 นาย เกิดจากปัญหาสุขภาพ 11 นาย  ปัญหาหนี้สิน 5 นาย ปัญหาส่วนตัว 3 นาย ปัญหาเรื่องงาน 1  นาย ปัญหาอื่นๆ 1 นาย ยิ่งเป็นสิ่งที่ ผบ.เด่น ต้องรีบนำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้มาวิเคราะห์และหาแนวทางแก้ไข ป้องกันการเกิดเหตุสะเทือนขวัญซ้ำรอยอีก ๐

      ต้องเรียกว่าฟิตจริงอะไรจริง 2 รอง ผบ.ตร.ป้ายแดง  บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขยับติดยศ พล.ต.อ. ขึ้น รอง ผบ.ตร. และเพิ่งได้รับมอบหน้างาน จาก ผบ.เด่น เพียงไม่กี่วัน ก็ดูเหมือนหน้างานสืบสวน (สส.) ที่ บิ๊กโจ๊ก ดูแลอยู่ จะงานออกเป็นรายวัน ทั้งการจับยกแก๊งหลอกเหยื่อสาว 16 ค้ากามข้ามชาติ พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ คดีจับกุมแก๊งชาวต่างชาติร่วมกันปล้นทรัพย์ชาวรัสเซีย พื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เช่นเดียวกับ บิ๊กต่อ ที่ลุยงานปราบปรามอาวุธเถื่อน รวมทั้งการทำจิตอาสาดูแลประชาชน และที่เด็ดสุดคือวลีเด็ดกินใจเมื่อวันมอบนโยบาย “กินงบ รบช้า ลีลาเยอะ ใจไม่ถึง พึ่งลำบาก หาตัวยาก แต่อยากเป็น” จนถูกพูดถึงกันอย่างมากว่าหากทำได้จริง รับประกันได้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้รับเสียงชื่นชมจากชาวบ้านอีกอักโข อย่างไรก็ดี หลายคนยังรอดูผลงานของ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกิจการพิเศษ ที่ บิ๊กเด่น มอบให้  บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบ  ดูจะเงียบๆ ผิดแปลกไปจาก รอง ผบ.ตร.รายอื่นๆ ในช่วงหลายปีที่ได้คุมงานมั่นคง จะมีผลงานออกมาอย่างชัดเจน ๐

      ปรับทิศทางการทำงานของ ตำรวจสอบสวนกลาง อีกครั้งสำหรับ บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. หลังจากเมื่อปีงบประมาณก่อน เน้นงานป้องกันปราบปราม (ปป.)  แบ่งสายงานความรับผิดชอบของ รอง ผบช.ก. ดูแลงาน  ปป.1 และ ปป.2 แล้วรวบงานจเรตำรวจกับงานบริหารอยู่ด้วยกัน รวมทั้งมีหน้างานถวายความปลอดภัย (ถปภ.) งานความมั่นคง (มค) งานกิจการพิเศษ (กศ) งานกฎหมายและสอบสวน (กม) งานสืบสวน (สส) รวมเป็น 8 หน้างาน มางบประมาณใหม่ หลังการแต่งตั้ง นายพล มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.65  บิ๊กก้อง ปรับหน้างานใหม่เหลือแค่ 6 หน้างาน เน้นงานบริหาร เพราะแยกเป็น บร.1 และ บร.2 แล้วรวมงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม (ปป.) กับงานสืบสวน (สส.) อยู่ด้วยกัน รวมทั้งงานความมั่นคง (มค.) และงานถวายความปลอดภัย (ถปภ.) ก็อยู่ด้วยกัน เช่นเดียวกับงานกิจการพิเศษ (กศ) และจเรตำรวจ (จต.) ก็อยู่ด้วยกัน ปิดท้ายด้วยงานกฎหมายและสอบสวน (กม.) เรียกว่ารวบตึงกระชับการทำงานให้คล่องตัวตามสไตล์ นายพลหนุ่ม ยุคใหม่

ย้อนกลับมาที่ หนองบัวลำภู เอฟเฟกต์ นอกจากประเด็นยาเสพติดเกลื่อนเมืองแล้ว การครอบครองอาวุธปืนได้ง่ายก็ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกกฎหมาย หรือมาตรการควบคุม ป้องกันไม่ให้มีการครอบครองกันได้อย่างเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ อาชีพที่ต้องถือปืน อย่างเช่น ทหาร ตำรวจ ซึ่งก่อนเหตุการณ์ จ่าคลั่ง กราดยิงที่โคราช ก็เคยมีระเบียบเอื้อให้ซื้อได้ง่ายและราคาถูก กองทัพบกในช่วงที่ บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. เคยเซ็นคำสั่งยกเลิกการจัดซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิด จากนั้นเป็นต้นมาถ้าใครจะซื้อปืนสวัสดิการภายนอกจากหน่วยงาน ผู้บังคับบัญชาชั้นนายพลจะต้องทำคำสั่งผ่านเสนาธิการทหารบกเท่านั้นเพื่อให้ออกคำสั่งเป็นรายกรณี ซึ่งของเดิมตามระเบียบจะให้นายทหารยศชั้นนายพันเป็นผู้เซ็นอนุมัติ ทำให้กำลังพลและพ่อค้าซื้อขายอาวุธกันได้ง่าย แต่ปืนที่ซื้อมาก่อนที่จะยกเลิกการจัดซื้อปืนสวัสดิการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นปืนส่วนตัว ยังอยู่ในครอบครองเหมือนเดิม ๐

ส่องการให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่ จากแผงเตรียมทหารรุ่น 22 เรียกได้ว่า ทรงดี กันทุกคน  โดยเฉพาะการตอบคำถามประเด็นร้อนต่างๆ ซึ่งมีการอัปเดตข้อมูลถึงกันอย่างรวดเร็ว จนแอบคิดว่ามีไลน์กลุ่มเพื่อติดต่อประสานงานกันแบบเรียลไทม์หรือไม่ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่หนองบำลำภู ซึ่ง บิ๊กเด่น ผบ.ตร.ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าทางคดี เพื่อหาแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ มีการให้สัมภาษณ์สื่อถึงปมเหตุต่างๆ แบบตรงไปตรงมา ก็เป็นช่วงเดียวกับที่  บิ๊กตุ๊ด-พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. ประชุมเพื่อมอบนโยบายให้หน่วยขึ้นตรงประจำปีงบประมาณ 2565  พอดี หลังจากนั้นถึงค่อยออกมาแถลงข่าวกับสื่อถึงปณิธานการทำงาน 3 ข้อ คือ สานต่อ สร้างขวัญ และพัฒนา แต่ คีย์เวิร์ด คือการสร้างความสุข ก่อนเชื่อมโยงยกตัวอย่างเหตุร้ายที่หนองบัวลำภู บอกเป็นนัยว่าเป็นเพราะเรื่องขวัญกำลังใจที่ไม่ดีและไม่มีความสุข จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมา เพิ่มเติมด้วยการเล่าถึงชีวิตวัยเด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน จึงมุ่งมั่นที่จะมีครอบครัวที่ดี “การกลับบ้านของผมแต่ละวันเหมือนจะไปขึ้นสวรรค์ มีความสุขเวลาอยู่บ้าน วันรุ่งขึ้นผมก็จะมีพลังในการทำงานตรงหน้าอย่างเต็มที่ ผมจึงมุ่งเน้นในเรื่องการทำครอบครัวที่ดีรวมถึงความเป็นอยู่สวัสดิการต่างๆ

ไปที่กองทัพเรือ บิ๊กจ๊อด-พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ไม่หลบผู้สื่อข่าว พร้อมตอบทุกคำถาม แม้กระทั่งเรื่องการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งก็ตอบในหลักการเหมือนเช่น ผบ.ทอ.ตอบ แต่ที่พร้อม เคลียร์ทุกประเด็น คือปมปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน S26T ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก สรุปได้ว่าให้คณะกรรมการบริหารโครงการ ที่มี บิ๊กโอ๋-พล.อ.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ไปทำ ไทม์ไลน์ ว่า CSOC  เลื่อนเวลาการส่งมอบเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ และประเมินว่าหากต้องเดินหน้าต่อจะส่งมอบได้เมื่อไรด้วย จากนั้นไปดูว่าในงบประมาณปีนี้จะนำไปใช้ต่อเรือฟริเกต และซื้อเฮลิคอปเตอร์เพิ่มเติมหรือไม่ เป้าหมายเพื่อเสริมขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ เพราะคงเดินหน้าเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ต่อยังไม่ได้ ที่น่าสนใจคือ แม้จะยังไม่ปิดประตูตายในการเลือกเครื่องยนต์ที่จีน แต่มอบให้ “กองเรือดำน้ำ” ร่วมดูเรื่องมาตรฐานเครื่องยนต์ โดยจะส่งกำลังพลไปดูการทดสอบการใช้กับเรือดำน้ำจีนจนเป็นที่พอใจ ก่อนตัดสินใจ   ประเมินว่าในไตรมาสแรก เลยไปถึงไตรมาสที่สอง ทร.จะยัง  ไม่ฟันธง ว่ายกเลิกโครงการหรือไม่ แต่คงใช้วิธียืดเวลาไปก่อนเพราะงบฯ ปี 2565 ในการจัดหาเครื่องยนต์ยังถูกแขวนรอไว้ ๐

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กำชับตำรวจก้าวข้าม 'ต่อ-โจ๊ก' ลั่นไม่ขอยุ่งแล้ว ให้เป็นหน้าที่คกก.ตรวจสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่รู้ข้อเท็จจริง 'ทนายตั้ม' แฉปมส่วยเว็บพนัน แต่ต้องรับผิดชอบคำพูด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม

คณะสอบ 2 นายพล เตรียมเรียก 'โจ๊ก-ต่อ' เข้าให้ข้อมูล ยันไม่มีเกี้ยเซียะ

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฏหมาย กรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ตามคำสั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดัง