การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกำลังจะลามเข้าสู่ “สงครามเซมิคอนดักเตอร์” ที่จะกลายเป็นประเด็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงรุนแรงไม่แพ้ภาวะสงครามการค้า หรือแม้กระทั่งสงครามในยูเครน
เพราะทั้งวอชิงตันและปักกิ่งต่างก็ตระหนักว่าการจะมีอิทธิพลระดับโลกจริงๆ นั้นไม่ใช่เพียงแค่มีอาวุธที่เหนือกว่า
หากแต่ต้องมีศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญสำหรับนวัตกรรมทุกอย่างในโลก
นั่นคือ เซมิคอนดักเตอร์ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า Chips
เริ่มด้วยการที่สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำห้ามธุรกิจอเมริกันค้าขายกับจีนในสินค้าที่โยงกับเทคโนโลยีชั้นสูง
มีผลทำให้บริษัทยักษ์ๆ ของจีนที่กำลังสยายปีกระดับโลกด้วยเทคโนโลยี 5G อย่าง “หัวเว่ย” ถูกสกัดในตลาดโลก
เท่านั้นยังไม่พอ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังเดินหน้ากดดันจีนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศกฎเกณฑ์ชุดใหม่บังคับให้บริษัทอเมริกันและบริษัทต่างชาติที่ใช้เครื่องจักรของสหรัฐฯ ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้องยื่นขอใบอนุญาต
หากจะส่งออกเซมิคอนดักเตอร์การประมวลผลขั้นสูง หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้จีน
เป็นการเตะขาจีนในด้านนี้โดยตรง...
เพราะนั่นย่อมหมายความถึงการจำกัดการขายเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไปให้จีนในการเอาไปใช้ต่อยอดเทคโนโลยี AI
หรือไปเสริมศักยภาพของจีนในการผลิตคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง และซูปอร์คอมพิวเตอร์
อีกด้านหนึ่งก็คือ การจงใจปิดช่องทางที่บริษัทมะกันจะผลิตชิปให้บริษัทของจีน
แต่กฎเกณฑ์ใหม่ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชุดนี้ระบุว่า การจะทำกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ที่เอื้อต่อจีนนั้นต้อง “ได้รับใบอนุญาต” ในกรณีพิเศษ
ในทางปฏิบัติก็คือการวางอุปสรรคที่ขัดขวางจีนในเกือบทุกรูปแบบ
อีกข้อหนึ่งในคำประกาศใหม่นี้คือ ห้ามหน่วยงานของรัฐและพลเมืองที่ถือสัญชาติอเมริกัน เข้าทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตชิปของจีน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นกรณียกเว้นอีกเช่นกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีก็คือ จีนต้องรู้สึกถูกกดดันและกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน
“หัวเว่ย” กลายเป็นเป้าของสหรัฐฯ เพราะสามารถขยายตลาดไปในโลกตะวันตกได้อย่างกว้างขวาง
ก่อนที่สูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่าย เพราะมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้
พอห้ามคนสัญชาติอเมริกันไปทำงานให้กับบริษัทเทคโนโลยีก็มีผลกระทบต่อเนื่องเรื่อง “มันสมอง” ที่ไม่ไหลมาทางจีนเหมือนแต่ก่อน
และที่น่าสนใจคือ มาตรการใหม่ชุดนี้ของสหรัฐฯ จะมีผลกระทบต่อการพัฒนา “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ Artificial Intelligence) ของจีนเพียงใด
เพราะผลข้างเคียงนั้นจะมาในรูปของความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอาวุธของกองทัพจีนจะถูกกระทบด้วย
นักวิเคราะห์บางสำนักประเมินก็คือ เมื่อเซมิคอนดักเตอร์เป็นชิ้นส่วนสำคัญตั้งแต่ “ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ” ผลที่ตามมาก็มีผลต่อการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนมากน้อยเพียงใดอีกด้วย
แต่ใช่ว่าการที่สหรัฐฯ ออกมาเล่นงานจีนเรื่องนี้จะไม่มีผลทางลบต่อตัวเอง
เพราะจีนเป็นตลาดใหญ่สำหรับ “ชิป”
การออกมาปิดตลาดจีนของสหรัฐฯ จึงหนีไม่พ้นว่าจะต้องกระทบต่อบริษัทอเมริกันที่เติบใหญ่ได้เพราะตลาดจีน
เป็นที่รู้กันว่าตลาดชิปของจีนนั้นมากถึงประมาณ 25% ของทั้งโลกทีเดียว
เมื่อถูกเล็งเป็นเป้าชัดขนาดนี้ จีนย่อมอยู่เฉยๆ ไม่ได้
ยิ่งหากฟังคำปราศรัยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการเปิดประชุมสมัชชาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ด้วยการที่จีนต้องก้าวขึ้นเป็นแถวหน้าของเทคโนโลยีด้วยแล้ว ก็ยิ่งเชื่อได้ว่าปักกิ่งจะต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและหลบเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการชุดใหม่ของสหรัฐฯ แน่นอน
ต้องไม่ลืมว่า สี จิ้นผิง เคยประกาศเป็นนโยบายหลักว่าจีนจะต้องเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ของโลกภายในปี 2030
มีหรือที่ สี จิ้นผิง เมื่อได้รับการต่ออายุอีก 1 สมัย จะไม่แสวงหาทางหลบหลีกการปิดล้อมทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ก็มีเดิมพันสูงในเรื่องนี้ไม่น้อย
เพราะการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนหน้านี้จะออกหัวออกก้อยก็อยู่ที่ว่าประชาชนคนอเมริกันมองว่า ผู้นำของพรรคเดโมแครตคนนี้สามารถยับยั้งสิ่งที่คนอเมริกันหลายภาคส่วนมองว่าเป็น “ภัยคุกคาม” จากจีนได้มากน้อยเพียงใด
ไบเดนเพิ่งลงนามประกาศใช้กฎหมายที่มีความสำคัญในด้านเทคโนโลยีที่พุ่งเป้าไปในการสร้างอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐฯ ที่ต้องไม่ตามหลังจีน
กฎหมายฉบับนี้ชื่อ CHIPS and Science Act ซึ่งระบุชัดเจนว่าสหรัฐฯ ต้องเป็นผู้นำด้านนี้ให้จงได้
โดยมีการจัดสรรเงินก้อนใหญ่เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้
นั่นคือการตั้งงบประมาณกว่า 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและส่งเสริมให้บริษัทในสหรัฐฯ หันมาผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ
สาระของกฎหมายระบุว่า คู่แข่งสำคัญคือจีนอย่างไม่เกรงอกเกรงใจอีกต่อไป
เพราะเนื้อหาตอนหนึ่งกำหนดไว้ชัดๆ เลยว่า บริษัทใดที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้จะต้องไม่ไปลงทุนเรื่องการผลิตเซมิคอนดักเตอร์กับจีน
ไม่เพียงแต่ออกกฎหมายมาสกัดจีนเท่านั้น รัฐบาลของไบเดนยังไปดึงเอาไต้หวันและเกาหลีใต้มาเป็นพวกด้วย
นั่นคือ Samsung ของเกาหลีใต้ และ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ของไต้หวันมาลงทุนตั้งโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ
เพราะเป็นที่ยอมรับว่า อเมริกาถดถอยในเรื่องนี้ และสูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดนี้มาไม่น้อยกว่า15 ปีแล้ว
ฝ่ายจีนนั้นมีบริษัทผลิตชิประดับใหญ่คือ YMTC ซึ่งก็ถูกระบุในบัญชีควบคุมของกฎหมายของสหรัฐฯ ฉบับใหม่นี้
รวมถึงหน่วยงานจีนอีก 30 แห่งในรายการการค้าที่เรียกว่า "ไม่ผ่านการตรวจสอบ"
และอีก 28 บริษัทถูกเพิ่มใน "รายชื่อนิติบุคคล" รวมถึงหน่วยงานระดับมณฑลหลายแห่งของศูนย์คอมพิวเตอร์แห่งชาติของจีน สถาบันเทคโนโลยีแห่งปักกิ่ง และ Beijing SenseTime Technology Development ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท AI รายใหญ่ของจีน
บริษัทจีนเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้ข้อกำกับควบคุมที่เข้มข้นของสหรัฐฯ
การเผชิญหน้าระหว่าง 2 ยักษ์กำลังบานปลายไปถึงทุกมิติของความสัมพันธ์จริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


