ริษยาตาร้อนผ่าว...อกจะแตกตาย

   

ประเทศไทยในยามนี้ โดยฝีมือการบริหารของรัฐบาลภายใต้การนำของลุงตู่ ความร่วมมือของข้าราชการประจำและประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน ทำให้เรากำลังจะหลุดพ้นจากวิกฤตการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังจะฟื้นอย่างเห็นได้ชัด สำนักต่างๆ ที่มีการประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้หลังจากที่หลุดพ้นจากวิกฤตของไวรัสโควิด-19 เรื่องนี้มีความจริงเชิงประจักษ์ให้เห็นอย่างมากมาย ไม่ใช่เป็นการอวยลุงตู่ด้วยฉันทาคติ 

และการประเมินทั้งหลายนั้นก็เป็นการประเมินโดยหน่วยงานนานาชาติหลายหน่วยงาน ที่เห็นพ้องต้องกันว่าประเทศไทยแก้ไขปัญหาไวรัสโควิดได้ดี และมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน

  • ประการแรก นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยจาก ม.ค.ถึง ต.ค. มีจำนวนมากกว่า 7 ล้านคน คาดว่าอีก 2 เดือนที่เหลือที่เป็น high season คงจะมีนักท่องเที่ยวมาถึง 10 ล้านอย่างแน่นอน นั่นหมายถึงการดึงเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศและธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการ พนักงานลูกจ้าง การเพิ่ม GDP ตำแหน่งงาน และการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล
  • ประการต่อมา มีการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3% กว่า ปีหน้าคาดว่าจะโตมากกว่า 4% องค์กรที่ทำหน้าที่ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ประเมินว่าจะโตในระดับต้นๆ ของโลก
  • ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เราพร้อมที่จะจัดประชุม APEC ที่ผู้นำหรือตัวแทน 21 เขตเศรษฐกิจจะมาร่วมประชุมด้วย รวมทั้งแขกรับเชิญพิเศษ 3 ประเทศคือ ซาอุฯ กัมพูชา และฝรั่งเศส จำนวนผู้ที่มาประชุมและผู้ติดตามจะมีจำนวนมาก ประเทศไทยจะมีรายได้จากการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ อีกทั้งในการจัดการประชุมจะมีการจัดอาหาร สถานที่ ทำให้เรามีโอกาสได้แสดงวัฒนธรรมที่เป็น Soft Power ของประเทศไทยให้นานาชาติได้รู้จักและชื่นชม สร้างโอกาสให้เราเป็นประเทศน่ามาเยือน น่ามาลงทุน น่ามาทำงาน และน่ามาพำนักอยู่
  • ระบบ Logistics ของเราพัฒนาไปไกลมาก มีความเจริญมากกว่ายุคใดๆ ทั้งล้อ ราง เรือ เครื่องบิน และระบบโทรคมนาคมที่เชื่อมต่อพื้นที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นประโยชน์กับการสัญจรเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เป็นประโยชน์กับการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างโอกาสให้แก่เมืองรองทั้งหลาย เป็นการกระตุ้นการลงทุนทั้งจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ และเป็นการคมนาคมขนส่งเพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านเศรษฐกิจให้แก่พื้นที่ต่างๆ ในประเทศ เป็นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
  • สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนก็คือ รัฐบาลภายใต้การนำของลุงตู่ได้จัดให้มีการแก้ปัญหาต่างๆ ที่หมักหมมมาหลายปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีโครงการต่างๆ เพื่อการพัฒนารอบด้านแบบบูรณาการ เป็นที่รับรู้ในหมู่ประชาคมโลกจนดึงการลงทุนจากต่างประเทศได้มาก แม้ในยามที่เราเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 แต่ต่างชาติก็มาลงทุนในประเทศไทยเรา มีมูลค่าหลายแสนล้าน จากนักลงทุนหลายประเทศที่เชื่อมั่นศักยภาพและการบริหารจัดการของรัฐบาลและข้าราชการฝ่ายต่างๆ ของประเทศไทย
  • การพัฒนาประเทศมีทั้งความยั่งยืนตามปรัชญา SDG จนได้เป็นที่หนึ่งของ ASEAN ให้ความสำคัญกับชีวภาพและสิ่งแวดล้อมด้วยเศรษฐกิจ BCG Model และดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตของสังคมตามหลักธรรมาภิบาลแบบ ESG เป็นการเสริมสร้างการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อสร้างความผาสุกให้คนไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลก
  • สำหรับการท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้น มีทิศทางของการเติบโตที่ชัดเจน ด้วยหลักการของการเติบโตด้วย SMILES Paradigm คือ Sustainable (ยั่งยืน) Manpower Development (พัฒนาทรัพยากรมนุษย์) Inclusive Economy (ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง Localization (เน้นการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ) Ecosystem (ดูแลระบบนิเวศ) และ Social Innovation พัฒนานวัตกรรมทางสังคม ทั้งหมดนี้เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศเป้าหมายของการท่องเที่ยว และยังส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ใหม่ๆ ในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้เต็มพื้นที่ของประเทศ เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจชุมชน
  • ประการที่สำคัญก็คือ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมีกรอบของการพัฒนาที่ชัดเจน ด้วยการกำหนดให้มี 3 แกนหลักของการพัฒนาประเทศ 3 ประการคือ 1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2) การพัฒนาอุตสาหกรรมดาวรุ่ง และ 3) ต้องให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงแหล่งทุนได้ถ้วนหน้า และทั้ง 3 แกนหลักนี้ได้ก่อให้เกิดการพัฒนาด้วยโครงการต่างๆ ที่ทำให้การก้าวหน้าที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์แล้ว

ทั้งหมดนี้ มีบางคนบางกลุ่มมองไม่เห็น พวกเขาตาไม่บอด แต่ใจบอด และกำลังจะอกแตกตายด้วยความริษยา อุตส่าห์สร้างวาทกรรมมาด้อยค่าลุงตู่แต่มันขัดแย้งกับความเป็นจริง คะแนนลุงตู่ดีแค่ไหน ไม่ต้องดูจากการทำโพล แค่ดูว่าเจ้าของคอกเห่าแรงแค่ไหน สั่งลูกน้องในคอกเห่าแรงแค่ไหน ถ้าไม่แรงแปลว่าลุงตู่คะแนนตก แต่ถ้าหากเห่าแรงวันใด แปลว่าตอนนั้นคะแนนลุงตู่กำลังขึ้น อย่างเช่นในเวลานี้ เห่าหอนกันแรงเหลือเกิน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล

ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'

คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า

ประวัติศาสตร์สีกากี

ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์

สุขสันต์วันเกิดเมืองยาวหนึ่งปี

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดจากพิธีวางเสาหลักเมือง หรือพระราชพิธีพระนครฐาน สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัช

ยโสโอหังไม่ฟังใคร ไม่สนใจกระแส...คิดว่าแจงได้

อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ตั้งแต่ถ้อยคำ วาจา ท่าที ลีลาการหาเสียงของคนที่ถูกวางตัวว่าวันหนึ่งจะได้เป็นผู้นำประเทศ ตะโกนด้วยสุ้มเสียงมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่พูด ท