ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เรื่องวุ่นๆ ของการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ในที่สุดก็ได้ทางเลือกที่คาดว่าทุกฝ่ายพอใจ หลังจากก่อนหน้านี้เกิดประเด็นที่ทางสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) | ADTEB ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกรณีที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ให้สิทธิ์ในการจัดการถ่ายทอดสดแก่ทางกลุ่มทรูมากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องการล็อกการถ่ายทอด และเลือกคู่ถ่ายทอดก่อนถึง 32 คู่ หรือเรียกว่าครึ่งหนึ่งของทัวร์นาเมนต์ จนเป็นเหตุให้ทางสมาคมต้องรวมตัวไปยื่นหนังสือถึง กสทช.ถึงกรณีดังกล่าว เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยว่าการจัดสรรในครั้งนี้มีความถูกต้อง เป็นธรรมหรือไม่

โดยหลังจากการที่ กสทช.ออกมาพูดว่า การที่ กสทช.บริจาคเงิน 600 ล้านบาท เพื่อช่วยให้คนไทยได้รับชมฟุตบอลโลกแบบทั่วถึง และขอให้ กกท.ลองกลับไปเจรจากับทรูอีกครั้ง

ล่าสุด "กลุ่มทรู" โดย ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า “กลุ่มทรูยึดประโยชน์ส่วนรวม ควักกว่า 300 ล้าน บวกลงทุนเป็นแม่ข่ายถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 ผนึกกำลังรัฐเอกชนแบบ PPP ปลดล็อกเพื่อคนไทยทั่วประเทศ พร้อมมอบสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน 16 แมตช์ รวมคู่ชิงชนะเลิศ ให้ช่องทีวีดิจิตอลอื่นๆ ออกอากาศคู่ขนานกับช่องทรูโฟร์ยู”

ซึ่งแนวทางนี้ดูเหมือนจะช่วยปลดล็อกให้กับ ทีวีดิจิตอลช่องอื่นๆ ได้หายใจกันบ้าง โดยนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า กลุ่มทรูให้คืนโควตาถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 จำนวน 16 นัด จาก 32 นัด กลับมาให้ กกท.นำมาจัดสรรให้กับทีวีดิจิตอลถ่ายทอดสดแบบคู่ขนานกับช่องทรู ซึ่งทรูไม่ขัดข้อง และทาง กสทช.ได้แจ้งสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ซึ่งทางสมาคมก็พอใจกับข้อสรุปนี้ ส่วนจะเป็นรอบใด คู่ใดบ้าง และจัดสรรอย่างไร เป็นหน้าที่ กกท.ต้องดำเนินการ

และทาง กกท.ก็มีนัดผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทุกรายมาเพื่อจับสลากคู่แข่งขันการถ่ายทอดอีกครั้งในวันที่ 23 พ.ย. ซึ่งก็จะทำให้ผังการถ่ายทอดสดมีการปรับเล็กน้อย เพราะมีช่องทางเลือกในการรับชมเพิ่มขึ้น นอกจากการรับชมผ่านช่องทรูโฟร์ยูเพียงช่องเดียว

อย่างไรก็ดี แม้ปัญหาในเรื่องนี้กับทางกลุ่มทีวีดิจิตอลจบลงไป แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมากที่รู้สึกว่าการรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลกนี้มีปัญหา โดยเฉพาะการรับชมผ่าน IPTV ทางกล่องหรือแอป ที่เปิดให้รับชมผ่านอินเทอร์เน็ตไม่สามารถรับชมได้นั้น 

ในประเด็นนี้ นายไตรรัตน์ระบุว่า สำหรับในเรื่องการดูผ่านทางกล่องรับสัญญาณต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตและมือถือ ที่มีบางฝ่ายออกมาระบุว่าไม่สามารถดูได้นั้น ตามปกติควรจะดูได้ทุกช่องทาง แต่ทาง กสทช.ไม่ได้เห็นสัญญาที่ทาง กกท.ไปตกลงกับทางฟีฟ่าและทรูว่าเป็นไปในลักษณะใด ให้ลิขสิทธิ์ช่องทางดังกล่าวกับใคร ซึ่งได้ให้คำแนะนำกับทาง กกท.ให้ยึดหลักตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ หรือทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นกฎหมายหลักที่ใหญ่กว่าประกาศของ กสทช. มัสต์แฮฟ และมัสต์แคร์รี หากสามารถนำมาถ่ายได้ไม่ติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ก็สามารถทำได้เลยทุกช่องทาง แต่หากตามข้อตกลงในการเซ็นสัญญานำมาเผยแพร่แล้วผิดกฎหมายหรือข้อตกลง ก็ให้ยึดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์

กล่าวโดยสรุปคือ กสทช.อยากให้รับชมทุกช่องทาง แต่ต้องดูสัญญาว่าการเผยแพร่ดังกล่าวนั้นผิดกฎหมายหรือข้อตกลงหรือไม่ เพราะ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์นั้นใหญ่กว่ากฎมัสต์แฮฟและมัสต์แคร์รี

ดังนั้นประเด็นนี้แฟนบอลเองก็ต้องทำใจ เพราะทางทรูแจ้งชัดแล้วว่าไม่สามารถถ่ายทอดสดออกทางเครือข่ายผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายอื่นได้ เพราะในสัญญาระบุชัดเจน ดังนั้นคงต้องทำใจ และถ้าอยากดูก็ตัดสินใจซื้อแพ็กเกจเอา แต่ต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนซื้อ เพราะมันมีข้อจุกจิกในการรับชมพอสมควร.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตาบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง

ช่วงนี้หลายคนกำลังสงสัยว่าเพราะเหตุใดค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าเอา อ่อนค่าเอา ตอนนี้ราคาหลุดทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว แม้จะมีการแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า

Digital Walletกระตุ้นค้าปลีกไม่แรง

“โครงการ Digital Wallet” เรียกว่ามีความชัดเจนจากฝั่งรัฐบาลพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไขทั้งในส่วนของประชาชนและร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความชัดเจนในส่วนนี้ก็ยังมีการตั้งคำถาม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเร่งหาวิธีการเพื่อพิสูจน์ความชัดเจน และเดินหน้าโครงการตามขั้นตอนและวิธีการภายใต้กรอบของกฎหมายที่ได้ยืนยันมาโดยตลอด

อัปเกรดอุตฯเหล็กรับมาตรการCBAM

การเดินหน้ามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) นั้น ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากของกลุ่มผู้ผลิต

'หนี้ครัวเรือน'แนวโน้มชะลอแต่สัดส่วนยังสูง

“หนี้ครัวเรือน” เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตา โดยจากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ระบุว่า ภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท

เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหนต่อ

ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยเวลานี้เหมือนคนป่วยโรคเรื้อรัง ที่อาการแค่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่รักษายังไม่หายขาด ส่งผลให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ยังคงติดๆ ขัดๆ นับตั้งแต่ผ่านพ้นจากวิกฤตโควิดมากว่า 2 ปี

ไทยจะเป็นฮับเอทานอล

ประเทศไทยหลังจากที่ผลัดเปลี่ยนรัฐบาลชุดนี้ ก็ตั้งเป้าการทำงานที่หลากหลายและแปลกตามากขึ้น แน่นอนว่าหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล