บันทึกหน้า4

วันพุธสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 ต้องบันทึกไว้ในหน้าความเคลื่อนไหวทางการเมืองทีเดียว เพราะต้องถือเป็น “พุธแต่งตั้ง-พุธกฎหมาย-พุธคดีความ” อย่างยิ่ง โดยเริ่มที่พุธแต่งตั้ง เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 3 รัฐมนตรีใหม่ถอดด้ามในรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะเหลือวาระการทำงานเพียงไม่มากนักก็ตามที ...๐

ชื่อที่ต้องเรียกเสียงฮือฮาในการปรับ ครม.ครั้งนี้คงไม่หนี “เสี่ยแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ ที่พาสชั้นจากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วไขก๊อกไปรับหน้าเสื่อเป็น “ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ” ยังไม่เท่าไหร่ ก็ได้เก้าอี้ “รมต.ประจำสำนักนายกฯ” มาเชยชม ซะแล้ว สมแล้วที่บอกว่าเป็นลูกรักของ “บิ๊กตู่” ในการทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์และปกป้อง งานนี้เลยได้โบนัสก้อนโตในช่วงท้ายของรัฐบาลตอบแทน ...๐

ส่วนอีกชื่อที่ “โผล่” มาแบบเงียบๆ คือ “สุนทร ปานแสงทอง” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้สังกัดของ “เสี่ยเอ๋” ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นั่นแล เรียกว่าส่งลูกน้องคนสนิทมานั่งเก้าอี้แทน เพื่อการันตีว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้ากลุ่มปากน้ำยังคงอยู่กับ “ลุงตู่และลุงป้อม” ต่อไปไม่เปลี่ยนแปร ...๐

ส่วนเรื่อง “พุธกฎหมาย” นั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ลงมติเป็นที่ เรียบร้อยโรงเรียนหาร 100 ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แล้วว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ งานนี้ก็เลยทำให้ “โต้โผ” พรรคเล็กในการคัดง้างอย่าง “นพ.ระวี มาศฉมาดล” หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ยอมรับโดยดุษณีว่าสงครามจบแล้ว เริ่มนับศพทหารได้ ซึ่งก็คงไม่ใช่พรรคเดียวที่ต้องนับศพ แต่บรรดาพรรคปัดเศษที่ได้เก้าอี้มาในยุคนี้ทั้งหลายก็คงต้องนับด้วย และเชื่อว่าหลังจากนี้ บรรดาพรรคตระกูล “ไทย” ทั้งหลายก็อาจเริ่มหาช่องทางเหมือนที่ “กรณ์ จาติกวณิช” จากพรรคกล้า ที่ขนทีมย้ายไปอยู่ใต้ชายคาพรรคชาติพัฒนา (กล้า) ทำเป็นตัวอย่างนำร่องแล้ว ...๐

นอกจากกฎหมายลูกแล้ว “พุธกฎหมาย” โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปลดล็อกท้องถิ่นที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า นำรายชื่อประชาชนจำนวน 76,591 คนเป็นผู้เสนอ ก็ได้ฤกษ์พิจารณาแล้ว ซึ่งก็คงได้แต่มึนและงงเป็นไก่ตาแตกอยู่นั่นแล ว่าคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ทั้ง “ธนาธร” และ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เคลื่อนไหวแบบนี้ เขาไม่เรียกว่าเคลื่อนไหวทางการเมืองหรืออย่างไร หรือคำว่าตัดสิทธิมีความหมายแคบแค่การไม่มีสิทธิไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเท่านั้น ถ้าอย่างนี้คำที่ “ปิยบุตร” เคยโวยวายว่าการยุบพรรคเป็นโทษประหารชีวิตก็แค่คำโก้เก๋ในการหลอกชาวบ้านและสาวกเท่านั้น จริงไหม ...๐

แล้วก็มาถึง “พุธคดีความ” ซึ่งก็คงต้องเริ่มที่ “พ่อฟ้า” นั่นเอง เพราะดูเหมือนวันนี้ทีมงานอัยการสูงสุดจัดเป็นแพ็กเกจใหญ่ส่งท้ายปีในการแถลงทีเดียว โดย “ธนาธร” ก็มีทั้งโชคดีและโชคร้าย โดยในส่วนของ “โชคดี” นั้นคือ อสส.ชี้ขาดไม่ฟ้องปมถือหุ้นสื่อ โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ แต่ที่ขำไม่ออกคือ “ธรัมพ์ ชาลีจันทร์” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เป็นผู้แถลงนั้น พยายามตอกย้ำว่าเป็น การพิจารณาคนละกฎหมายกับ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่ตัดสิทธิ “ธนาธร” ในการลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แหม! งานนี้ก็อาจมีคนหัวใสข้องใจอัยการขึ้นมาก็ได้ เพราะอย่าลืมว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ผูกพันทุกองค์กร ซึ่ง “อัยการ” ก็เป็นองค์กรหนึ่งมิใช่หรือ ...๐

ส่วนข่าวร้ายของพ่อฟ้านั้น ไม่ได้มาเดี่ยว แต่มาเป็น แก๊ง 3 คน เมื่อ อสส.ชี้ขาดฟ้อง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล-พรรณิการ์ วานิช” ในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่ง “ธนาธร” ก็กล่าวถึงทั้ง 2 คดีตามสไตล์พระเอกที่ถูกรังแก โดยในคดีถือหุ้นสื่อก็ขอบคุณอัยการที่ให้ความเป็นธรรม ส่วนคดีมาตรา 116 ก็ระบุทันทีว่าถูกผู้มีอำนาจทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งเรา พิโธ่! ไม่เคยโทษตัวเองเลยนะพ่อคุณ ที่สำคัญถ้าเป็นทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ ที่ สำคัญบ้านนี้เมืองนี้มีพระสยามเทวาธิราชคอยปกปักรักษาอยู่ ใครคิดร้ายทำลายบ้านเมืองเดี๋ยวก็ได้รู้ได้เห็นว่าจะไม่มีแผ่นดินให้อยู่ ซึ่งก็มีตัวอย่างมาแล้วมากมายไม่ต้องโอดโอยหรอกจ้า ...๐

ทิ้งท้ายด้วยพุธกฎหมายอย่างที่ทำตัวน่ายกนิ้วโป้งให้อย่าง “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถูกศาลขอนแก่นตัดสินในคดีหมิ่นประมาท “อรรถพล บัวพัฒน์” หรือครูใหญ่ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 16 เดือนให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 80,000 บาท พร้อมจ่ายสินไหมทดแทน 100,000 บาท ซึ่ง น้องเอ๋ก็ไม่พูดหรือติติงคร่ำครวญเหมือนผู้ชายอกสามศอกอย่าง “ธนาธร” เลย ...๐

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.