พอจีนกลับมาเปิดประเทศอย่างฉับพลันและร้อนแรง ก็เกิดคำถามว่าจะเป็นประโยชน์หรือจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร
สำหรับไทยเราเห็นชัดว่าการไหลกลับของนักท่องเที่ยวจีนเป็นผลที่สัมผัสได้ทันที
เป็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่เร็วกว่าที่เคยคาดกันมาก่อน
และทำให้เกิดการปรับตัวของทุกๆ ฝ่ายอย่างคึกคัก
ผลที่ตามมาอาจจะมีทั้งทางบวกและลบที่ย่อมจะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ ทั้งสำหรับประเทศต้นทางและปลายทางด้วยอย่างแน่นอน
แต่ในภาพใหญ่นั้น ในหลายเวทีก็มีการถกแถลงกันอย่างกว้างขวาง
หนึ่งในเวทีที่ว่านี้คือการประชุมประจำปีของ World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ที่เพิ่งจะจบลง
มีการแสดงความเห็นในแนวทางที่ว่า การพลิกกลับของจีนอย่างฉับพลันจากนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” มาเป็น “โควิดเป็นโรคประจำถิ่น” ไปทั้งในแง่ที่ยินดีปรีดาว่าเศรษฐกิจโลกจะได้รับการกระตุ้นอย่างมีพลังอีกครั้ง
แต่ขณะเดียวกันก็มีการส่งสัญญาณเตือนว่าจะต้องเฝ้ามองผลที่ตามมาอย่าง “ระมัดระวังเป็นพิเศษ”
“ข้อเท็จจริงที่ว่าจีนกำลังเปิดรับและกลับมาเติบโต 4% บวกนั้น เป็นผลบวกที่แข็งแกร่งสำหรับเศรษฐกิจโลก” วิลเลียม ฟอร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ General Atlantic Partners บริษัทไพรเวทอิควิตี้ในนิวยอร์กกล่าว
ฟอร์ดมองว่า “การกลับตัวกลับใจ” ของปักกิ่งจากการล็อกดาวน์และการควบคุมโรคระบาดอื่นๆ เป็น "จุดเปลี่ยนที่ชัดเจนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ"
แม้ว่าตลาดหุ้นจีนร่วงลงตลอดสิ้นเดือนตุลาคม และนักลงทุนต่างชาติบางคนมองว่ามัน "ไม่น่าลงทุน" แต่ฟอร์ดยืนกรานว่ากองทุนของเขา "ไม่เคยมองว่าจีนไม่น่าลงทุน"
เขาไม่ใช่คนเดียวที่มองความเคลื่อนไหวของจีนครั้งนี้เป็นไปในทางบวก
นักธุรกิจที่เฝ้ามองเมืองจีนอย่างใกล้ชิดมองว่ายังมี “ผลทางอ้อม” ที่ต้องวิเคราะห์
เพราะเรื่องราวทั้งหมดต้องไม่มองเฉพาะการขายและการซื้อไปยังประเทศจีน แต่ต้องพิจารณาการซื้อขายผ่านประเทศจีน และผลกระทบและการแพร่กระจายไปยังภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกด้วย
นักวิเคราะห์อีกค่ายมองว่าเศรษฐกิจของจีนสามารถฟื้นตัวได้ "อย่างเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม"
บางส่วนของสังคมจีนก็ยังกลัวความเสี่ยงที่อาจจะมาจากการกลับมาของโควิด-19 แต่เศรษฐกิจบางด้านก็คงจะเดินหน้าฟื้นตัวอย่างชัดเจน
การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ฟื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเร่งร้อนทั้งภายในและต่างประเทศ
แต่ก็มีคำเตือนจากนักวิเคราะห์อีกบางสำนักว่าอย่าเพิ่งมองทุกอย่างในลักษณะ “โลกสวย” เกินไป
เพราะความผันผวนของเศรษฐกิจโลกยังเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อทั้งโลก
บางคนบอกว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้จะมีผลอย่างไร
นักวิเคราะห์บนบางเวทีให้ความเห็นว่า "จีนกำลังทดลองกับสิ่งที่เราไม่เคยเห็นในหลายๆ ประเทศด้วยการเปิดใหม่อีกครั้ง" “เราต้องใช้เวลาสักหน่อย”
เหตุผลก็เป็นเพราะจีนอยู่ใน "สถานการณ์ที่ไม่เหมือนใคร"
ทั้งในเรื่องของรูปแบบการตัดสินใจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และภาวะของสังคมจีนที่มีความเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากการระบาดของโควิด
นักวิเคราะห์บางสำนักเชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะเป็นอย่างมีเสถียรภาพพอสมควร
ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในโลกกำลังดิ้นรนที่จะฟันฝ่าปัญหาเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ถ้าจีนยังสามารถเติบโตได้ 5%
หรือมากกว่านั้นในปีนี้ก็จะเป็นแรงหนุนเนื่องการเติบโตทั่วโลกอย่างมากในปีต่อๆ ไป
ตัวบ่งชี้ที่สำคัญคือการลงทุนภาคเอกชนในประเทศ
เพราะนั่นจะเป็นตัวกำหนดว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวจากความซบเซาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหรือไม่
และนักลงทุนเอกชนจะมีความมั่นใจในการลงทุนในโรงงานและอุปกรณ์ใหม่สำหรับอนาคตหรือไม่
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์อยู่เหนือแนวโน้มการเติบโตของจีนด้วยเช่นกัน
ถ้าจีนกับสหรัฐฯ สามารถประคับประคองความสัมพันธ์ไม่ให้แตกแหกได้ โลกก็ควรจะเห็นการเติบโตที่สมเหตุสมผล
แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ของสองยักษ์ก็จะกลายเป็น “ลมต้าน” จากภายนอก
เพราะหากความขัดแย้งของวอชิงตันกับปักกิ่งไม่ลดลง ก็จะเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการแยกขั้วทางเทคโนโลยีในระดับสูง
ซึ่งก็จะไม่เอื้อต่อการเติบโตเศรษฐกิจของโลก
มองในระยะสั้น จีนเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก
นั่นคือการผสมผสานของการผ่อนคลายแรงกดดันด้านกฎระเบียบในภาคส่วนสำคัญ เช่น เทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์
ควบคู่กับการเปิดประเทศสู่โลกอีกครั้ง
แต่ก็มีเสียงเตือนว่าอาจเกิดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หากสหรัฐฯ กับจีนลุกขึ้นมาคว่ำบาตรซึ่งกันและกันในประเด็นความขัดแย้งเดิมๆ ที่เกี่ยวกับไต้หวัน, ทะเลจีนใต้และความขัดแย้งด้านเทคโนโลยี
หนึ่งในการรับรู้ “ทางลบ” โยงกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังดิ้นรนผ่าทางตันของจีน
ซึ่งขณะนี้ได้รับการหนุนหลังด้วยการสนับสนุนจากรัฐหลังจากวิกฤตสินเชื่อที่เกิดจากหน่วยงานกำกับดูแล
นั่นเป็นประเด็นที่ได้จุดชนวนให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
เพราะคนที่ติดตามเรื่องนี้ไม่ได้คาดหวังการฟื้นตัวครั้งใหญ่ในภาคส่วนนี้
เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์การขาดแคลนโครงสร้าง เนื่องจากการขยายตัวของเมืองในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาไปสู่ภาวะอุปทานล้นเกินที่อาจเกิดขึ้น
ประกอบกับการลดลงของประชากรครั้งแรกของจีนในรอบหกทศวรรษ ซึ่งก็จะเพิ่มปัญหาให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์
นั่นคือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการจ้างงานซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในฝั่งผู้ซื้อ
บางสำนักประเมินว่าอัตราโตทางเศรษฐกิจของจีนจะลดลงจากระดับก่อนโควิดที่ 6% หรือ 6.5% เป็นประมาณ 3% ถึง 4%
ดังนั้นการชะลอตัวของการเติบโตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อขนาดของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
แต่กระบวนการดังกล่าวถูก "เร่ง" ด้วยปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตกต่ำอย่างรวดเร็วในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของจีนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
คำถามใหญ่คือจีนจะไม่เป็นผู้กอบกู้เศรษฐกิจโลกหรือไม่
คำตอบคือยังมีปัจจัยแห่งความไม่แน่นอนที่ไม่อาจจะตอบได้ชัดเจนว่า การเปิดประเทศอีกครั้งของจีนในภาวะความผันผวนรุนแรงไปทั่วโลกนั้น จะเสริมหรือลดทอนบทบาทของจีนในเวทีระหว่างประเทศอย่างไร
เพราะแม้ผู้นำจีนเองก็ยังต้องคอยประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว
ไม่แน่ หากพลาดท่าเสียทีก็จะได้กลับตัวทันอีกครั้ง!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


