อ่านน้ำพระราชหฤหัยรัชกาลที่หนึ่งในดวงเมือง(ตอนที่ 2)

ดังที่กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วว่าดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่21 เมษายน 2325 เวลา 06.54น.ลัคนาสถิตราศีเมษ ธาตุไฟนั้นมีแง่มุมต่างๆที่โหรสามารถสกัด-อ่านได้หลายประเด็นสุดแท้แต่ใจและมุมมองของแต่ละคน

รวมทั้งเมื่อเริ่มเรียนโหราศาสตร์ใหม่ๆผู้เขียนอ่านพบว่า ครูโหรท่านหนึ่งที่เสียดายจำชื่อไม่ได้แล้วแถมพยายามค้นเอกสารเก่ามาแสดงแต่ยังไม่พบได้อ่านพื้นดวงเดิมดวงเมืองว่า ดวงเมืองรัตนโกสินทร์นี้เมื่อมีภัยขนาดใหญ่ๆจากดาวร้ายเข้ามาปะทะ-พระผู้ให้สถาปนาเมืองและให้กำเนิดดวงเมืองคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงต้องการให้พระราชสายโลหิตของพระองค์รับเคราะห์ไปก่อนเมือง

คราวนั้นผู้เขียนตั้งคำถามกับตัวเองเอาอะไรมาอ่าน?

จนเมื่อตั้งแต่มฤตยูจร(0)เจ้าของภัยอาเพศ -การปฏิวัติ-เหตุร้ายที่เกิดไม่คาดฝัน- การผลัดเปลี่ยน -พลัดพราก -เศร้าโศกรวมทั้งโรคระบาดขนาดใหญ่ที่เกิดไม่แบบไม่คาดฝันเดินเข้าราศีเมษ ทับลัคนาและพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมือง เป็นรอบที่สามตั้งแต่ตั้งเมืองรัตนโกสินทร์เป็น ระหว่าง 6 มีนาคม 2559-8 กรกฎาคม 2565 เมื่อเฝ้าดูเหตุร้ายแรงใหญ่ๆจริงๆที่เกิดในเมืองจากดาวดวงนี้ผู้เขียนก็ตาสว่างโร่ด้วยสองเหตุปรากฎการณ์ในเมืองที่สำแดงให้เห็นคือ

วันที่ 13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่เก้า ซึ่งเป็นหนึ่งพระราชสายโลหิตของในหลวงรัชกาลที่หนึ่ง เสด็จสวรรคต เหมือนจะเตือนถึงเหตุร้ายแรงที่จะเกิดต่อมาเหมือนดังที่ครูโหรท่านนั้นอ่านไว้เพราะ

ต่อจากนั้นภายใต้อิทธิพลของมฤตยูจรยังคงทับลัคนาและอาทิตย์ดวงเดิมในราศีเมษเคราะห์ใหญ่ก็เข้าสู่เมืองและประชาชนเดือดร้อน-เจ็บไข้ได้ป่วย-ล้มตาย-พลัดพราก -ปิดเมือง-ทำมาหากินไม่ได้ เพราะโรคระบาดขนาดใหญ่ของโลกคือโควิด-19เริ่มเข้ามาครั้งแรกตั้งแต่13มกราคม 2563

จนถึงบัดนี้เข้าสู่ช่วงใกล้จะจบบาดแผลจากโควิด-19ผู้เขียนก็หาคำตอบทางโหรพบว่าพระราชสายโลหิตของรัชกาลที่หนึ่งรับเคราะห์ก่อนเมืองอย่างไร โดยอ่านจากดวงเมืองและการเดินหรือโคจรของดาวร้ายขนาดใหญ่คือมฤตยูจรเป็นตัวอย่างคือ

ภาพแสดงดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์-องศาของลัคนาและพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมือง(๑)-และวิถีที่ดวงดาวโคจรตามวิถีปกติยกเว้นราหูและเกตุ

1.ในสภาวะปกติ(มีภาวะผิดปกติ)ดาวทุกดวงทั้งดาวดีและดาวร้าย จะเดินทวนเข็มนาฬิการวมทั้งมฤตยูจรด้วย ยกเว้นพระราหูจร(8)และพระเกตุจร(9)ที่เดินตามเข็มนาฬิกาสวนกับดาวอื่น  (ดูลูกศรทวนเข็มนาฬิกา)

2.ดูทวนเข็มนาฬิกา-ที่ราศีเมษ-ลัคนาเมืองสถิตอยู่ที่ท้ายราศีที่23องศา40ลิปดา(ตามรูป)

3.ดูทวนเข็มนาฬิกา-ที่ราศีเมษก่อนถึงลัคนามีพระอาทิตย์ดวงเดิม(๑)สถิตอยู่ด้วย โดยตั้งอยู่ต้นราศีกว่าคือที่10องศา42ลิปดา

อันพระอาทิตย์นี้ความหมายทางโหรอ่านได้หลายอย่าง หนึ่งในความหมายหลักทั่วไปคือคนมียศมีศักดิ์และหากอ่านตามเรื่องราวของดวงเมืองแล้วเป็นตัวแทนภพที่ห้า-ปุตตะ หรือลูกหลานพระราชสายโลหิตของล้นเกล้ารัชกาลที่หนึ่งพระผู้สถาปนาดวงเมือง

ฉะนั้นในสภาวะการเดินปกติไม่ว่าเรื่องดี-ร้ายจากดาวดี-ดาวร้ายที่จะให้คุณ-โทษกับลัคนาหรือเมืองเมื่อเดินเข้าราศีเมษ จะปะทะกับพระอาทิตย์หรือพระราชสายโลหิตของรัชกาลที่หนึ่งก่อนจะถึงลัคนาเมือง ยกเว้นราหูกับเกตุที่เดินสวนกับดาวอื่นผลจะออกที่ลัคนาเมืองก่อนผลกับพระอาทิตย์

เมื่อมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นปกติคนในเมืองก็จะสุขสงบไปกันไป เหมือนโหรทำนายเรื่องดีๆ เมื่อเกิดเหตุขึ้นคนรับทำทำนายไปมักจะไม่สน-ใส่ใจหรือจำไม่ได้

แต่เมื่อใดก็ตามหากมีเรื่องร้ายเกิดในเมืองโดยเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆที่กระทบชีวิต-ขวัญ-กำลังใจนั้นย่อมเดือดเนื้อร้อนใจอกสั่นขวัญแขวนไปทั้งเมืองเฉกเช่นการมาของโควิด-19

จึงแม้พระองค์จะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว แต่น้ำพระราชหฤทัยของล้นเกล้าฯรัชกาลที่หนึ่งคงทรงต้องการให้พระราชสายโลหิตของพระองค์แบ่งเบารับไปก่อนบ้างในบางสถานการณ์ใหญ่ๆ(เพราะยังมีการเดินผิดปกติของดาวที่อาจจะเกิดกับลัคนาก่อนพระอาทิตย์ดวงเดิมได้)

เฉกเช่นเมืองเสียในหลวงรัชกาลที่9ก่อนโควิด-19อาละวาด

และเร็วๆนี้ที่พระมฤตยูจรที่เดินจากราศีเมษไปพฤษภแล้วตั้งแต่ 8 กรกฎาคม 2565ยังเดินผิดปกติกลับมาราศีเมษระรานลัคนาและอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมืองอีกรอบยิ่งเกิดเหตุชัดเจนสองเหตุการณ์คือ

วันที่ 14 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ18.20นาทีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา หรือพระองค์ภาฯของพสกนิกรผู้จงรักภักดี หนึ่งในพระราชสายโลหิตของพระผู้สร้าง-สถาปนาเมืองหมดพระสติที่ปากช่อง นครราชสีมา ขณะนี้ยังประทับอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ

ต่อมาวันที่ 18 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 23.30 น.เรือหลวงสุโขทัยจมกลางอ่าวไทย  ห่างจากท่าเรือบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ 20 ไมล์

ในฐานะโหรสมัครเล่นที่เกิดหลังวางเสาหลักเมืองหลายร้อยปี ได้เห็นจะๆก็คราวนี้ถึงน้ำพระราชหฤหัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเมื่อภัยขนาดใหญ่-ยักษ์มา และอยากบอกให้ได้รู้กัน

ตอนต่อไปผู้เขียนจะสกัดเฉพาะอิทธิพลของพระเสาร์จร(7)เทพเจ้าแห่งความระทม-เจ้าของโทษทุกข์ที่จะย้ายราศีวันที่1มีนาคม 2566ต่อดวงชะตาเมืองและคนทุกลัคนาราศีมาเพื่อทราบและเตรียมรับมือจากที่ก่อนหน้านี้ได้เขียนภาพรวมดวงชะตาเมืองและคนทุกลัคนาราศีไปก่อนแล้ว   โปรดรอติดตาม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ผู้ว่าแบงก์ชาติ' พ้นฆาฎเหลือเพียงเคราะห์

ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายนปีที่แล้วถึงวันเกิดเมืองปีนี้คือ 21 เมษายน 2567 เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มที่เมืองต้องฆาฎร้ายทางโหรที่เรียกว่าปัสสะวะชีโว (พฤหัสบดีกาลกิณีจรทับลัคนาเมือง)

สุขสันต์วันเกิดเมืองยาวหนึ่งปี

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดจากพิธีวางเสาหลักเมือง หรือพระราชพิธีพระนครฐาน สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัช

ผลของพฤหัสบดีจร(5)ย้ายจากราศีเมษเข้าเดินในพฤษภต่อท่านที่ลัคนาสถิตธนูและมังกร

พฤหัสบดี(๕-หากเป็นพื้นดวงชะตาเดิมเขียนแทนด้วยเลขไทย)เป็นหัวหน้าดาวดี หรือศุภเคราะห์ดวงใหญ่ที่สุด ทางโหราศาสตร์ยกย่องว่ามีคุณูประการมาก คอยบันดาลให้มนุษย์มีแต่ความสุขสถาพร -ให้มีความเห็นใจและเข้าใจกันในมวลหมู่มนุษยชาติ เปรียบคล้ายเทวดาคอยคุ้มครองทุกดวงชะตา