ไทยกับ 'สงคราม' เงียบ

คุยแต่เรื่องในบ้านทุกวัน ก็เซ็ง

ฉะนั้น วันนี้ คุยเรื่อง "เพื่อนบ้าน" กันบ้าง บางทีอาจจะหายเซ็ง

"อันวาร์ อิบราฮิม"

ผมเอ่ยชื่อนี้ ทุกคนร้องอ๋อ...นักต่อสู้ทางการเมืองตามวิถีประชาธิปไตยจนได้ขึ้นเป็น "นายกรัฐมนตรี" มาเลเซีย คนล่าสุดนั่นเอง!

ใช่แล้วครับ ปลายสัปดาห์ก่อน "นายกฯ อันวาร์" เยือนไทย ตามประเพณี "ผู้นำคนใหม่" ต้องเดินสายเยี่ยมเยือนมิตรประเทศ

ถ้าใครติดตามการเมืองมาเลย์ ต้องทราบ

ย้อนการเมืองไป "ยุคป๋าเปรม" เมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อน "มหาเธร์" คือนายกฯ "ร่วมสมัย" ที่คมกริบ

นายอันวาร์ สมัยนั้น เป็น "รองนายกฯ" และเป็นที่รู้กันเป็นสากลว่า

คนนี้แหละ คือมือวางอันดับ ๑ ที่จะขึ้นเป็นนายกฯ คนต่อจากมหาเธร์

นอกจาก "มหาเธร์" สนับสนุนแล้ว

ต้องบอกว่า "สหรัฐอเมริกา" แทบจะ "อุ้ม" ให้ขึ้นเป็นวันนี้่-วันพรุ่ง!

แต่นายอันวาร์ทำอีท่าไหนให้ "มหาเธร์" ต้องเขม่นก็ไม่ทราบ?

จากมือวางอันดับ ๑ ต้องหักเห เข้าคุกในข้อหา "รักร่วมเพศ" ถึงขั้่นต้องแบกฟูกขึ้นไปพิสูจน์กันบนศาลเลยทีเดียว

ต้องชมสปิริตนักการเมืองวิถีประชาธิปไตยของนายอันวาร์ ศาลตัดสินอย่างไร คำเดียวก็ไม่ตัดพ้อ

ไม่พูด "ศาลยุติไม่เป็นธรรม" ไม่ปากอ้างประชาธิปไตย  แต่ปลุกระดมคนออกมาจลาจลเผาบ้าน-เมือง

ที่สำคัญ "ไม่หนี"

"เดินเข้าคุก" ผดุงความศักดิ์สิทธิ์กฎหมาย ไม่ยอมให้คำว่า "คุกมีไว้ขังคนจนกับหมา" เกิดขึ้น ในกระบวนการยุติธรรมของมาเลย์!

ผมแค่ตามข่าวบ้าง-ไม่ได้ตามบ้าง ยังเหนื่อย กับชะตากรรมรังแกนายอันวาร์ แต่นายอันวาร์เอง กลับไม่ท้อ

และ "ไม่เล่นนอกกติกา"

กระทั่งถูก "มหาเธร์" ต้มรอบ ๒ ที่ว่าจะให้เป็นนายกฯต่อ แต่มหาเธร์ก็เบี้ยว เมื่อ ๔-๕ ปีที่แล้ว

นายอันวาร์ก็ยังสู้ต่อตามวิถีประชาธิปไตย

จนปลายปีที่แล้ว ก็ผ่านด่านทดสอบของพระผู้เป็นเจ้า ได้เป็นนายกฯ ด้วยความเพียรสูงสุด

ครับ.........

ปูพื้นเผื่อบางท่านอาจลืมเลือนเกี่ยวกับความเป็นมาของนายกฯ อันวาร์ที่เป็นแขกบ้าน-แขกเมืองและเพิ่งกลับไป

ประเด็นที่อยากคุยก็คือ

นายอันวาร์มาเยือนไทยในฐานะนายกฯ วันก่อน ต้องบอกว่า นายกฯ "น้องใหม่"

แต่ลีลาการเมืองถึงขั้น "แตกลายงา"!

การมาเที่ยวนี้ ไม่ใช่แค่มา "เปิดตัว" ตามธรรมเนียม

หากแต่มาแบบ "พกปริศนาธรรม" มายัดใส่มือไทย สไตล์...ข้าพเจ้าขอเสนอในสิ่งที่ท่านไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำนองนั้น
ทั้งเรื่องความร่วมมือแก้ปัญหาก่อการร้ายชายแดน ๓ จังหวัดใต้ สมุนก่อการในไทย...หัวหน้าใหญ่อยู่ในมาเลย์

แต่นายอันวาร์ พูดพลิ้ว ปัดปัญหาพ้นมาเลย์ มากองไว้ที่ไทย แล้วจับมือ-ลูบไหล่ เราช่วยกัน...ช่วยกัน

โดยไม่พูดซักคำ ว่าทางมาเลย์จะแสดงความจริงใจพูดจาห้ามปรามการใช้ประเทศเป็นฐานไปรังควานเพื่อนบ้านแต่อย่างใด!

ที่เห็นนายอันวาร์กระตือรือร้นเป็นพิเศษ คือ

เรื่อง "ปัญหาพม่า"!

เท่าที่ฟัง ดูเหมือนไม่ใช่มา "แสดงตน" ในฐานะน้องใหม่ หากแต่น่าจะเป็นผู้ "รับสาส์น" มาสื่อสารกับฝ่ายไทยมากกว่า

จับประเด็นจากถ้อยแถลงนายอันวาร์ สื่อไปทางว่า

ต้องการให้ไทย "จัดหนัก-จัดเต็ม" กับรัฐบาลทหารพม่า

เช่นว่า.........

"ไทยอยู่ในจุดที่ดีกว่าที่จะแสดงออกถึงเรื่องที่ "พวกเรา" มีความเป็นห่วงอย่างมากในแง่ที่ว่า

เรื่องภายในของพม่านั้น ควรแก้ไขจากภายในพม่าก็จริง แต่มันก็ส่งผลกระทบต่ออาเซียนด้วย"

คำว่า "พวกเรา" ที่นายอันวาร์กล่าว น่าจะหมายถึงกลุ่มประเทศอาเซียนโดยตรง

ความจริง เรื่องพม่านี้ เท่าที่ติดตาม ในกลุ่มอาเซียนแตกท่าทีเป็น ๒ กลุ่ม

คือ มาเลย์ บรูไน อินโดฯ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งกลุ่มนี้ สนับสนุนแนวนโยบายตะวันตก "สหรัฐ-ยุโรป"

ต้อง "คว่ำบาตร" รัฐบาลทหารพม่า และบีบโดย "ตัดรัฐบาลหารพม่า" ออกจากประเทศกลุ่มอาเซียน

ส่วนกลุ่มที่สอง เวียดนาม ลาว กัมพูชา และไทย มีความเข้าใจวัฒนธรรมและสังคมการเมืองถิ่น จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของใคร

และมีความเป็นเพื่อนบ้าน ประนี-ประนอม ในความเป็นประเทศร่วมถิ่นฐานวัฒนธรรมเดียวกัน

นี่.....

๑๐ ประเทศอาเซียนที่เคยเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายใต้หลักการ "ไม่แทรกแซงภายในกันและกัน"

ตอนนี้ กรณีพม่า เริ่มแตกความเห็นเป็น ๒ ฝ่าย!

โลกภายนอกจับขั้วให้ว่า..........

เป็นขั้่วสหรัฐ-ยุโรปขั้วหนึ่ง และขั้่วจีน-รัสเซียอีกขั้วส่วน!

ความจริง ประเด็นที่นายอันวาร์มาบอกให้ไทยแอกชั่นกับพม่าให้หนักกว่านี้ ควรแสดงท่าที "ไม่เห็นด้วย" กับรัฐบาลทหารพม่าให้หนักกว่านี้ นั้น

ถ้านายกฯ ประยุทธ์ไม่ตอบนายอันวาร์ด้วยความรู้สึกจากใจจริงว่า "We are family. Thank you, my friend." ด้วยเห็นเป็นคนอื่นละก็

อาจตอบว่า "It's not your business." ไปแล้วก็ได้

แต่ที่ตอบคำพูดกดดันจากนายอันวาร์สั้นๆ จากใจว่า "my friend" นั่นก็ต้องบอกว่า

นายกฯ อันวาร์ การเมืองชั้น "แตกลายงา" ก็จริง

แต่นายกฯ ประยุทธ์ของไทยก็ระดับ "แปลงศาสตราเป็นแพรพรรณ" ได้แหลมคม!

เรื่องอะไรที่นายอันวาร์ยันหลังให้ไทยหน้าคะมำเข้าไปทะเลาะกับรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านชานเรือนติดกัน?               

นายอันวาร์ต้องไปบอก "อินโดฯ" โน่น ในฐานะ "ประธานอาเซียน" ให้ทำหน้าที่ไปพูดจากับพม่า....ไม่ใช่ไทย!

ต้องชมนายกฯ ในบท "ถนอมน้ำใจมิตร" ได้ดี ประเทศอาเซียนจะเอายังไง ก็ประชุมกัน

ไม่ใช่อ้างว่าไทย "ประเทศใกล้ชิดพม่า" ต้องปั้่นจิ้มปั้นเจ๋อเข้าไปเจ้ากี้-เจ้าการกับรัฐบาลทหารพม่าเขา

มาเลย์  อินโดฯ ฟิลิปปินส์ บรูไน สิงคโปร์ กลุ่มอ่าว อยู่ไกล ไม่เดือดร้อน

แต่ไทยอยู่ติดพม่า ถ้าบริหารปัญหาไม่ดี เดือดร้อนทั้งขึ้น-ทั้่งล่อง

ที่สำคัญ รู้กันไว้ด้วย ทุกวันนี้ ที่เรามีไฟฟ้าใช้ อย่าเข้าใจว่าแหล่งก๊าซของไทยมีเหลือเฟือนะ

โปรดรู้ไว้ การผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนทั้งประเทศทุกวันนี้ ใช้ "ก๊าซธรรมชาติ" ร่วม ๖๐%

และปัจจุบัน ทั้งแหล่งเอราวัณ แหล่งบงกช ในอ่าวไทย เหลือลดน้อยลงทุกที อีกไม่ถึง ๒๐ ปีก็หมด

ที่มีและกำลังสำรวจเพื่อขุดเจาะ ก็เป็นแหล่งเล็ก-แหล่งน้อย แทบไม่คุ้ม

"สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน รายงานผลว่า......

ในอีก ๒๐ ปี ที่มาของก๊าซธรรมชาติ จะมีสัดส่วนดังนี้

๒๙% ซื้อจากผู้ผลิตในประเทศ

๗๑% ซื้อจากนอกประเทศ

แต่ในปัจจุบัน ช่วงก่อนสงครามยูเครน-รัสเซีย.....

ก๊าซที่ใช้ผลิตไฟฟ้า จากอ่าวไทย ๕๗% ราคาเฉลี่ย ๑๐เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู, ก๊าซพม่า ๓๗% ราคาเฉลี่ย ๑๔เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู

และนำเข้าแอลเอ็นจี ๗% ราคาเฉลี่ย ๑๘ เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู

เฉลี่ยต้นทุนก๊าซผลิตไฟฟ้าแล้ว อยู่ที่ ๒๒.๙ เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู

แต่ปัจจุบัน ณ นาว ก๊าซ LNG ราคาสูงถึง ๒๓ เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ขณะที่ก๊าซฯ ในอ่าวไทยเฉลี่ยราคาอยู่ที่ ๕ เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู

สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ อุตสาหกรรมบอกอนาคตประเทศ  แต่ถ้าความมั่นคงทางพลังงานไม่มี นั่นเท่ากับประเทศ "ไม่มีอนาคต"

คน-สัตว์ กินอาหาร

แต่เครื่องจักรอุตสาหกรรมทุกชนิด กินพลังงาน!

แหล่งก๊าซธรรมชาติของไทย "หมดแน่" แต่ของพม่า "ยังเหลืออีกมหาศาล"

ทุกวันนี้ ที่ไทยมีไฟฟ้าใช้ทุกระบบ ส่วนหนึ่งมาจาก "ก๊าซธรรมชาติ" ๓ แหล่งจากพม่า เยตากุน, ยาดานา, ซอติก้า ส่วนใหญ่ทุกวันนี้ มาจากยาดานา

"สหรัฐ-ยุโรป" มีรัฐบาลอองซาน ซูจี สั่งได้ แหล่งก๊าซอยู่ในกำมือ จึงเป็นประชาธิปไตย

แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาลทหาร "สั่งไม่ได้" แหล่งก๊าซหลุดมือจึงเป็นรัฐบาลเถื่อน!

จึงใช้นอมินีในอาเซียน "บีบ" รัฐบาลทหารพม่า บีบเป็นปียังไม่ตาย เขาพบว่า เพราะมีรายได้จากการขายก๊าซให้ไทยปีละเกือบแสนล้านบาท

อ้อ...เส้นเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ตรงนี้เอง ก็เตรียม "ตัด"!

"เชฟรอน" ของสหรัฐในพม่า ขายหุ้นร้อยละ ๔๑ ให้บริษัทแคนาดาไปแล้ว

ส่วนบริษัทไทยโดย ปตท.สผ.ร่วมทุนพม่า ถือหุ้นเท่าเดิมคือ ๗๓.๑ และ ๒๑.๘ อยู่ทุกวันนี้

ดูตามรูปการณ์ จากท่าทีนายกฯ มาเลย์คล้ายถือสาส์นมา "ขี่ม้าเลียบเมือง" ให้ไทยจัดเต็มพม่าแบบนี้

การ "คว่ำบาตร" พม่าจากสหรัฐ-ยุโรปในอนาคตอันใกล้ น่าจะหนียาก

ถึงตอนนั้น ไทยเรา "เดือดร้อน" เต็มๆ!!!

ทั้งติดต่อค้าขายไม่ได้ ส่งก๊าซไม่ได้ เงินทองเอาออกไม่ได้ แถมจะต้องรับผลจากสงคราม "กระทบ-กระทั่ง" ชนกลุ่มน้อยตามชายแดน ที่จะทะลักเข้ามา

ผมก็ถอดรหัสจาก "My Friend" ได้แค่นี้ ใครอยากแย่งอำนาจก็แย่งกันไป

พ้นจาก "ลุงตู่-ลุงดอน" แล้ว....

ใครแน่กว่า อยากไต่เส้นลวดปากเหว นำประเทศให้พ้นวิกฤตดังว่าได้

ก็เชิญเลย!

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง