ห้ามพลาดบ้านล้านหลังเฟส 3

ในที่สุด โครงการดีๆ สำหรับคนที่ต้องการมีบ้าน อย่างโครงการ "บ้านล้านหลัง" ก็ได้รับไฟเขียวจาก ครม.เมื่อวันที่ 21 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโครงการระยะที่ 3 แล้ว โดยที่ผ่านมาโครงการนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก และวงเงินกู้ในโครงการก็หมดลงอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นโครงการในระยะที่ 3 นี้ สำหรับคนที่่คิดว่าเป็นกลุ่มที่เข้าถึงแหล่งเงินกู้ยาก หรือเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อย ก็ควรที่จะมาศึกษารายละเอียดกันไว้

 โดยรายละเอียดของโครงการเริ่มจากวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท ซึ่ง ธอส.เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อและเป็นคนดำเนินการในการปล่อยกู้ทั้งหมด

ซึ่งในโครงการระยะที่ 3 มีเงื่อนไขในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ในช่วง 5 ปีแรก (แตกต่างจากระยะที่ 2 ที่เป็นดอกเบี้ย 1.99% คงที่ 4 ปีแรก) แต่เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ดังนั้นผู้กู้ก็ต้องทำใจว่าจะไม่ได้รับดอกเบี้ยที่ถูกเหมือนอย่างโครงการก่อนหน้า

โดยในส่วนวงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อรายต่อหลักประกัน มีระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 40 ปี ผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส.ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่า ธอส.ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินโครงการ

แน่นอน ผู้ที่สนใจจะต้องรีบเตรียมการทันที เพราะโครงการนี้วงเงินหมดเร็วและมีการแข่งขันกันสูงมาก

ล่าสุดทาง ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ระบุถึงโครงการบ้านล้านหลังว่า ธนาคารจะมุ่งเน้นให้สิทธิ์กับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท เข้าร่วมโครงการเป็นลำดับแรก ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรกเท่ากับ 3.00% ต่อปี ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2% ต่อปี และปีที่ 8 ถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1% ต่อปี และกรณีกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารอยู่ที่ 6.40% ต่อปี) เงินงวดคงที่นานถึง 60 งวดแรก ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี

ให้กู้บ้านราคาซื้อ-ขาย/ค่าก่อสร้าง และวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 1,500,000 บาท ทั้งประเภทบ้าน หรือห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ หรือบ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. หรือเพื่อปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมซื้อบ้านหรือห้องชุด

ที่สำคัญ โดย ธอส.ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการมีบ้านให้กับลูกค้าด้วยการยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)

นอกจากนี้ ธอส.ยังได้ผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับลูกค้าบางกลุ่มมากขึ้น โดยให้โอกาสลูกค้าได้รับวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพประจำหรืออาชีพอิสระ สามารถนำหลักฐานการชำระค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนชำระเงินดาวน์บ้านไม่น้อยกว่า 12 เดือน มาแสดงให้กับธนาคารเพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มเติมได้ และหากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Financial Literacy และออมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระ เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 9 เดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานการพิจารณาสินเชื่อกับธนาคารได้ต่อไป

และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สนใจ ทางธนาคารจึงเตรียมเปิดให้รับรหัสเข้าร่วมโครงการได้พร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 ก.พ.2566 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN หรือ GHB ALL และรับรหัส 10 หลัก (ตัวอักษร 3 หลัก และตัวเลข 7 หลัก) ทาง GHB Buddy ใน Line Application เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.เป็นต้นไป และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค.2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าว หาก ธอส.ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการแล้ว.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้

จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ