ไทยโพสต์ 'แจกการ์ด'

ถ้าตั้งต้นจากเตาปูน มาตามคลองประปา มุ่งหน้าทิศเหนือ ไปทางแจ้งวัฒนะ ซอย ๔๖ จะอยู่ซ้ายมือ

ถ้ามาทางพงษ์เพชร งามวงศ์วาน ก็มาตามคลองประปาเดียวกัน มุ่งหน้าทิศใต้ ไปทางเตาปูน ซอย ๔๖ อยู่ทางขวามือ

เลี้ยวเข้าซอยปุ๊บ เจอไทยโพสต์ปั๊บ

ก็ตามเอกลักษณ์ "คนปลายซอย" อยู่ที่ไหน ต้องไปซุกให้สุดก้น ตามประสาคนขี้อาย!

พอหลับตาคลำทางกันได้แล้วกระมัง กรุงเทพฯ พื้นที่ ๑,๕๖๘ ตร.กม. ไม่ใหญ่เกินหลงหรอกน่า

ผมเป็นคนรุ่นเก่า งานฉลองสำนักงานใหม่ จึงทำแบบคนเก่าๆ คือยึดพิธีกรรมทางศาสนาแทนอะร้าอร่ามด้วยสีสันสไตล์รุ่นใหม่

ที่จริง ไม่มีอย่างไหนผิด-อย่างไหนถูกหรอกครับ ขึ้นอยู่กับใครชอบหรือถนัดรูปแบบงานอย่างไหน ก็เอาตามที่ถนัดอย่างนั้นเป็นใช้ได้

ผมไม่ถนัดทาง "พิธีการ" แต่ถนัดทาง "พิธีธรรม" การฉลองหัวใจของงานจึงอยู่ที่พระ ไม่ใช่อยู่ที่โครมครามงานประโคม

ทราบข่าวว่า "หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก" จากวัดป่านาคำน้อย อุดรธานี ท่านรับกิจนิมนต์ในกรุงเทพฯ และมาพักอยู่ "สวนแสงธรรม" พุทธมณฑล สาย ๓

เมื่อวันจันทร์ ผมจึงไปกราบนิมนต์หลวงพ่ออินทร์ถวายมาเจริญพระพุทธมนต์ ในวันที่ ๑๐ เมษา.เป็นมงคลชัยไทยโพสต์และพนักงาน

หลวงพ่อเมตตา "รับนิมนต์" เรียบร้อยแล้ว พร้อมพระรวม ๕ รูปเป็นองค์สงฆ์ ที่จะมาเจริญพระพุทธมนต์ แผ่เมตตาและกล่าวสัมโมทนียกถา

หลวงพ่ออินทร์ถวาย ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาและผู้ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อมาก วัตรปฏิบัติของพระป่าอย่างหนึ่งคือ ตอนเช้าท่านต้องเดินบิณฑบาต

ก็พอดิบ-พอดี เหมือนฟ้าจัดสรร

สำนักงานใหม่ไทยโพสต์ ด้วยอานิสงส์ "สายไฟแรงสูง" อันประเสริฐพาดผ่าน จึงทำให้มีพื้นที่โล่งเป็นลานกว้าง เหมาะต่อการโคจรบิณฑบาตของพระ และญาติโยมจะรอใส่บาตรยิ่งนัก

ฉะนั้น เป็นโอกาสหาได้ยากยิ่งของคนกรุง ที่จะได้ทำบุญตักบาตรพระผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐเช่นนี้

เมื่อโอกาสมีมาถึง.....

ผมจึงรีบ "ออกการ์ดเชิญ" ชนิดครอบจักรวาลได้มาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ๕ รูปกัน อันมีหลวงพ่ออินทร์ถวายเป็นองค์นำ ในเช้าวันที่ ๑๐ เมษา. ณ ลานตรีโพธิ์ ที่ไทยโพสต์

ท่านที่จะมา....

นำมาเฉพาะอาหารใส่บาตรพระและอาหารถวายพระเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้อง

เพราะไทยโพสต์ จะจัดเตรียมอาหาร ขนูกขนม น้ำชา-กาแฟบรรดามี ไว้ต้อนรับทุกท่านพร้อมสรรพ

ชนิดว่า มาแล้ว "ไม่อิ่ม" ห้ามกลับ เช้าจรดเช้า!

พระท่านฉันมื้อเดียว และจะพิจารณาตักอาหารที่ถวายใส่รวมในบาตรครั้งเดียวในการฉันเท่านั้น

ดังนั้น ท่านก็จัดอาหารประณีตสำหรับพระเท่านั้น ตามศรัทธาของท่านเป็นหลักเถิด

นี่ก็เอิ้นให้ทราบแต่เนิ่นๆ เผื่อท่านที่ต้องการร่วมพิธีธรรมจะได้จัดตารางเวลาถูก เพราะใกล้สงกรานต์ บางท่านอาจมีแผนเดินทาง จะได้ไม่ชนกัน

ไว้ใกล้ๆ ผมจะสะกิดเตือนอีกที ที่บอกกล่าววันนี้ ไม่ใช่อะไร เพราะมีหลายท่านถามมา

และบางท่าน ไม่ทราบไปฟังข่าวจากที่ไหน มาถามย้ำว่า วันนั้น-วันนี้ จะมีงานขึ้นบ้านใหม่ไทยโพสต์ใช่มั้ย?

ฉะนั้น ก็ขอให้ทราบตรงกันตามนี้

"๑๐ เมษา." หลวงพ่ออินทร์ถวายท่านจะนำพระสงฆ์มาเหยียบไทยโพสต์ให้โชติช่วงชัชวาลและแผ่บารมีธรรมสู่ทุกท่าน ณ บริเวณลานตรีโพธิ์ ไทยโพสต์

พูดถึง "หลวงพ่ออินทร์ถวาย" ผมไปกราบท่านทีไร ท่านจะเล่าให้ฟังว่า ที่นั่น-ที่นี่ มาขอให้ท่านเป็นประธานเป็น "สะพานศรัทธา" หาเงิน เพื่อกิจการต่างๆ เป็นประจำ

อย่างวันที่ ๑๐ เมษา.ที่จะมาไทยโพสต์

๙ เมษา. "คณะแพทย์อาสาศิริราช" จะทอดผ้าป่าที่สวนแสงธรรม เพื่อรวบรวมเงินซัก ๗ ล้านบาท

เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือไปช่วย "เปลี่ยนหัวเข่า" ให้คนป่วยที่ประเทศเนปาล ขั้นแรกประมาณ ๕๐ คน!

หลวงพ่อบอก...

"อาตมาก็คิดๆ ดู เนปาลเป็นดินแดนพระพุทธเจ้าประสูติ คนเนปาลก็เป็นคนร่วมแผ่นดินเกิดกับพระพุทธเจ้า

เมื่อคณะแพทย์อาสามีจิตใจต้องการไปช่วย หลวงพ่อก็เห็นด้วย ยินดีสนับสนุน จัดทอดผ้าป่ารวบรวมเงินไปช่วยกัน"

และก่อนจะเดินทางลงมากรุงเทพฯ ก็มีอีกเจ้า มาขอให้หลวงพ่อเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ หาเงินสร้าง "ศูนย์การแพทย์หลวงตามหาบัวอุดรธานี" (สถาบันพระบรมราชชนก)

ประกอบพิธียกเสาเอกก่อสร้างโรงพยาบาล ๓๐๐ เตียงไปเมื่อไม่กี่วันนี่เอง คนก็มาร่วมบริจาคกันเป็นปฐมฤกษ์

และเท่าที่ผมเห็นตามข่าวบ่อยๆ ไม่ว่าวัด โรงพยาบาล โรงเรียน และสาธารณสถาน มากต่อมาก จะมาขอให้หลวงพ่อรับเป็นองค์ประธาน

นัยว่า หลวงพ่ออินทร์ถวายลูกศิษย์มาก คนเคารพเลื่อมใสศรัทธามาก ไม่ว่าลงมือทำอะไร ผู้คนก็จะมาร่วมกันมาก

อย่าง "พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์หลวงตามหาบัว" ที่วัดป่าบ้านตาด ต้องใช้งบประมาณเป็นพันๆ ล้านในการก่อสร้าง

ด้วยศรัทธาบารมีในองค์หลวงตาและหลวงพ่ออินทร์ถวาย "ผู้ศิษย์" ในความเป็นองค์นำ ศรัทธาญาติโยมก็ทำให้สำเร็จเป็นแก่นกลางเมืองอุดรฯ ขณะนี้

ดูๆ ไป หลวงพ่ออินทร์ถวาย นอกจากเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐแล้ว ยังเป็นดั่ง "ธนาคารบุญ" ด้วย

งานใด เป็นงานเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลชาวบ้านลูกหลาน  ใครติดขัดตรงไหน ไปบอกหลวงพ่อ อาศัยบารมีธรรมท่านเป็น "ธนาคารบุญ"

งานนั้น ก็สำเร็จลุล่วงได้!

เพราะอย่างนั้น วันๆ จึงมีแต่คนไปขอให้หลวงพ่อเป็นประธานโครงการต่างๆ ไม่หยุดไม่หย่อน

ก็คุยมายืดยาว เรื่องพระ-เรื่องเจ้า สำหรับรุ่นเก่า-คร่ำครึอย่างผมแล้ว คุยไม่รู้จบ ก็อย่าเพิ่งเบ้ปากก็แล้วกัน

บางเรื่อง...ผมว่านะ เรา "คร่ำครึ" ไว้บ้างก็ดี

แต่ "คร่ำครึ" จนคร่ำเคร่ง ไม่รู้จักประยุกต์ มันก็ไม่ดี เพราะการคร่ำเคร่ง มันจะทำให้เรา "ติดยึด"

แล้วการ "ติดยึด" นั้น จะทำให้เราเกิด "อัตตา"

อัตตาคือการ "หลงตัว"

จะทำให้เราปฏิเสธสิ่งใหม่ๆ ทั้งเห็นความคิดคนอื่นที่ไม่ตรงกับเราว่า "เขาผิดไปทั้งหมด"

ซึ่งนั่น จะทำให้เราเป็น "เก่าตกหล่ม" จมปลัก-จมเลน

สังคมไทย เขาบอกว่า กำลังเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ"

ฉะนั้น เก่าอย่างผม-อย่างท่าน

ใครจะเป็น "เก่าคร่ำครึ" หรือ "เก่าลายคราม" เลือกได้

ทั้งสองอย่างเหลื่อมๆ ในความเหมือน-ความต่างกันอยู่ประมาณนี้!

"คนเก่า" ส่วนมาก คิดแต่จะให้ โดยสร้างโน่น-สร้างนี่ ทิ้งไว้ให้คนใหม่ได้อยู่ ได้ใช้ ได้อาศัย

ในขณะที่คนใหม่ คิดแต่จะเอา กับจ้องขัดขวาง-ทำลายสิ่งที่คนเก่าเขาจะทำฝากไว้

นี่ถ้า "บูรพกษัตริย์" ไม่ทรงสร้าง วัดวาอาราม ปราสาทพระราชวัง สถานการศึกษา สาธารณูปโภคพื้นฐาน ถนนหนทางไว้ให้ เมื่อ ๒๐๐ กว่าปีที่ผ่าน

ถึงวันนี้ จะมีสิ่งเหล่านั้น ทำให้ประเทศไทย "ติดอันดับโลก" ให้รุ่นใหม่ ได้มีหน้า-มีตาในฐานะ "ทายาทประเทศ" มั้ยเนี่ย?

เอาละมัง มากเรื่องเดี๋ยวจะมากความ ประเด็นเดียวที่อยากบอกวันนี้ คือ ลืมอะไรก็ลืมได้

แต่อย่าลืม "๑๐ เมษา."

พระมาโปรด "ชาวเราทุกคน" ที่ไทยโพสต์!

.

คนปลายซอย