หนึ่งใน “ฉากทัศน์” กรณีจีนส่งกองทัพบุกยึดไต้หวันในความเห็นของนักวิเคราะห์ต่างชาติ
สหรัฐฯเตรียมจะเพิ่มจำนวนทหารประจำการบนเกาะไต้หวัน...พอมีข่าวออกจากวอชิงตันอย่างนี้ อุณหภูมิความขัดแย้งระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตันก็พุ่งขึ้นทันที
ข่าวบอกว่ากองทัพสหรัฐฯ กำลังเตรียมพร้อมเพิ่มจำนวนทหารที่ประจำการในไต้หวันมากกว่า 4 เท่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่าไต้หวันก็เตรียมจะส่งทหารของตนประมาณ 500 นายไปยังสหรัฐฯ ภายในปีนี้
เป็นการยกระดับความใกล้ชิดทางทหารระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวันอย่าง “จงใจยั่วยุ” หรือไม่เป็นคำถามใหญ่อย่างฉับพลัน
เพราะหากเป็นจริงตามข่าวที่ออกมาจากทั้งสองฝ่ายย่อมเท่ากับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระบบหมุนเวียนกองกำลังครั้งก่อนๆ
โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการฝึกทหารของไต้หวัน
แต่เป็นข่าวที่มาในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงอยู่แล้ว
ข่าวนี้มีต้นตอมมาจากสื่อ Wall Street Journal (WSJ) ของสหรัฐฯที่อ้างแหล่งข่าวในกองทัพสหรัฐฯ ว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเพิ่มจำนวนทหารที่ประจำการในไต้หวันอย่างมีนัยสำคัญ
ในอดีตการส่งทหารอเมริกันไปไต้หวันจะรวมถึงกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ เช่น Green Berets และนาวิกโยธินด้วย
ถือว่าเป็น “หน่วยรบ” มิใช่ “หน่วยสนับสนุน”
WSJ ระบุว่าจำนวนบุคลากรอเมริกันที่วางแผนจะส่งไปยังไต้หวันในปัจจุบันจะอยู่ระหว่าง 100 ถึง 200
บทวิเคราะห์นั้นบอกว่าการเพิ่มกำลังทหารของสหรัฐฯ จะขยายออกไปตามโครงการฝึกอบรมที่กำลังดำเนินอยู่สำหรับกองกำลังไต้หวัน
ข่าวนี้กระทรวงกลาโหมพยายามจะยังไม่เปิดเผยเพื่อหลีกเลี่ยงการยั่วยุปักกิ่ง
แต่เรื่องอย่างนี้คงปิดเป็นความลับได้ไม่นาน
บทความนี้จึงวิเคราะห์ว่า “การเพิ่มตามแผนจะเป็นการส่งกำลังครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษของสหรัฐฯ ในไต้หวัน เนื่องจากทั้งสองเริ่มเห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องเสริมกำลังบนเกาะไต้หวันเพื่อตอบโต้กำลังทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน”
ทหารอเมริกันที่เพิ่มขึ้นจะช่วยฝึกกองกำลังไต้หวันในด้านระบบอาวุธ
และทำความคุ้นเคยกับยุทธวิธีและการซ้อมรบทางทหารของสหรัฐ
ท้ายที่สุดหากกองทหารสหรัฐฯ ถูกส่งไปยังไต้หวันเป็นการถาวร จะเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากจำนวนทหารอเมริกัน 39 นายที่ประจำการที่นั่น ณ เดือนกันยายนปีที่แล้ว
ศูนย์ข้อมูลกำลังคนด้านกลาโหมสหรัฐให้รายละเอียดว่าจำนวนนี้รวมทหารประจำการ 23 นายจากกองทัพทั้งทัพบก, เรือ, อากาศ
สำนักข่าวกลางของไต้หวัน (CNA) ซึ่งอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารที่ไม่เปิดเผยชื่อและแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ รายงานว่ากองทัพสาธารณรัฐจีนไต้หวัน (ROC) กำลังวางแผนที่จะส่งกองพันรวมอาวุธไปยังสหรัฐฯ เพื่อเข้าโครงการอบรมในช่วงครึ่งปีหลังนี้
“นี่นับเป็นครั้งแรกที่ทหารระดับกองพัน ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วยทหารประมาณ 500 นาย จะเดินทางไปฝึกที่สหรัฐฯ แทนที่จะเป็นระดับหมวด (ทหาร 25-60 นาย) หรือระดับกองร้อย (80-150 นาย) เหมือนในอดีต” CNA ลงรายละเอียดในบทวิเคราะห์อย่างชัดเจน
และยังเสริมต่อว่าขนาดของหน่วยที่ส่งไปอเมริกานั้นเรียกอีกอย่างว่า “กองพันร่วม”
ซึ่งจะประกอบด้วยทหารจากกองพลทหารราบยานยนต์ที่ 333 ของกองทัพไต้หวันและกองพลยานเกราะที่ 542
ในขณะที่กองกำลังจากกองพลเหล่านี้จะเป็นทีมงานที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ประสานงานจากหน่วยทหารราบ ชุดเกราะ กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และหน่วยบินกองทัพบก พร้อมด้วยผู้ปฏิบัติการพิเศษ
เมื่อปี 2019 ไต้หวันเริ่มกระบวนการปรับโครงสร้างกองพันรวมอาวุธเพื่อพยายามปฏิบัติงานอย่างเป็นอิสระมากขึ้นในการสู้รบ โดยได้รับคำแนะนำของสหรัฐฯ
เป็นที่รับรู้กันว่าฐานทัพอากาศลุคในรัฐแอริโซนาเป็นสถานที่ฝึกฝูงบินของเครื่องบินรบ F-16 จากไต้หวัน
แน่นอนว่ารัฐบาลจีนจะต้องเห็นว่าสหรัฐฯกำลังเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างโจ๋งครึ่มมากขึ้นทุกที
ความจริง ข่าวเรื่องการเจรจาการผลิตอาวุธร่วมกันระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวันมีกระเซ็นกระสายออกมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ตอนนั้นมีข่าวว่าไต้หวันมีเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการผลิตอาวุธในประเทศมากขึ้น หรือผลิตอาวุธในสหรัฐฯ แต่ใช้อะไหล่ไต้หวัน
ไต้หวันเป็นลูกค้ารายสำคัญของระบบอาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯ อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่เร็ว (HIMARS) จรวดนำวิถี M30 ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบพกพาของมนุษย์สติงเงอร์ (MANPADS) และขีปนาวุธต่อต้านยานเกราะ Javelin
อาวุธเหล่านี้แหละที่สหรัฐฯส่งไปให้กับยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซียด้วย
และเมื่ออเมริกาต้องส่งอาวุธประเภทเหล่านี้ไปสมรภูมิยูเครน ก็ทำให้เกิดการชะบอหรือหยุดการส่งมอบอาวุธเหล่านี้ไปให้กับไต้หวัน
ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันส่วนใหญ่เกิดจากกฎหมายนโยบายไต้หวัน ซึ่งได้รับการอนุมัติอย่างท่วมท้นจากคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
ร่างกฎหมายจะจัดสรรเงิน 6.5 ล้านดอลลาร์สำหรับความช่วยเหลือทางทหารจากต่างประเทศแก่ไต้หวัน
และสนับสนุนการจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วมและโครงการฝึกอบรมร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อจัดการกับความไม่มั่นคงในอินโดแปซิฟิกอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น
ขณะที่เขียนอยู่นี้ก็มีข่าวแทรกเข้ามาว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ของสหรัฐฯ Kevin MacCathy จะเปลี่ยนแผนเดิมที่จะไปเยือนไต้หวัน
ปรับมาเป็นเชิญประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินไต้หวันมาเยือนวอชิงตันแทน
นัยว่าเพื่อจะหลีกเลี่ยง “ความเดือดดาล” ของปักกิ่ง
แค่เปลี่ยนแผนอย่างนี้คงไม่มีผลทำให้จีนลดความโกรธเคืองน้อยลง
แต่อย่างน้อยก็จะสะท้อนว่ามีความ “เกรงใจ” เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
แต่ก็น้อยเกินกว่าจะมีนัยสำคัญทางการเมืองอีกนั่นแหละ
(พรุ่งนี้: มีหรือที่จะจีนนิ่งเฉยเมื่อมะกันเสริมกำลังทหารบนเกาะไต้หวัน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


