มีคำถามว่าเมื่อศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ฐานก่ออาชญากรรมสงครามแล้ว, ในทางปฏิบัติศาลนานาชาติแห่งนี้จะสามารถเอาตัวปูตินมาขึ้นศาลได้หรือไม่
คำตอบคือคงไม่ง่าย
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีผลทางลบสำหรับปูตินเลย
เพราะความสำคัญของหมายจับนี้เป็นเรื่องสัญลักษณ์ของการเมืองระหว่างประเทศ ไม่น้อยไปกว่าการที่จะจับผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court ก่อตั้งเดือนกรกฎาคม ปี 2002 หรือกว่า 20 ปีแล้ว ภายใต้ข้อตกลงที่เรียกว่า Rome Statue เพราะเป็นการลงนามที่กรุงโรมร่วมกัน
ทุกวันนี้ ICC มีสมาชิก 123 ประเทศ แต่ประเทศยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย, สหรัฐฯ หรือจีน ก็ไม่ได้เป็นสมาชิก
เพราะมหาอำนาจกลัวว่าตนจะถูกฟ้องร้องในข้อหาต่างๆ ที่เข้าข่าย 3 ประการ ภายใต้อำนาจของ ICC นั่นคือ
War crimes อาชญากรรมสงคราม
Crime against humanity อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
Genocide การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
เพราะประเทศใหญ่ๆ เหล่านี้ล้วนมีกิจกรรมที่ไปโยงกับความขัดแย้งในส่วนอื่นๆ ของประเทศ จึงสุ่มเสี่ยงที่จะถูกประเทศอื่นฟ้องร้องในข้อหา 3 ประการ ที่กินความอย่างกว้างขวางได้
บางประเทศ รวมทั้งไทย (และยูเครน) ที่ได้ร่วมลงมติสนับสนุนสนธิสัญญานี้ แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันรับรองอย่างเป็นทางการ
หมายจับของ ICC ต่อปูติน และมาเรีย ลิวา-เบโลวา กรรมาธิการหน่วยงานเกี่ยวกับสิทธิเด็กของรัฐบาลรัสเซีย
โดยระบุว่าทั้งสองมีความรับผิดชอบในการวางแผนเนรเทศเด็กชาวยูเครนไปยังรัสเซีย
ศาลกล่าวว่า “มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าปูตินมีส่วนรับผิดชอบทางอาญาเป็นรายบุคคล” สำหรับอาชญากรรมที่ถูกกล่าวหา สำหรับการก่ออาชญากรรมร่วมกับผู้อื่นโดยตรง และสำหรับ “ความล้มเหลวในการควบคุมอย่างเหมาะสมต่อผู้ใต้บังคับบัญชาพลเรือนและทหารที่กระทำการดังกล่าว”
ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีตำรวจเป็นของตนเอง จึงไม่มีเครื่องมือบังคับใช้กฎหมายหรือคำสั่งของตน
ต้องพึ่งพาประเทศสมาชิกที่มีภาระผูกพัน จะต้องช่วยบังคับใช้คำสั่งของศาลแห่งนี้
เช่นในกรณีปูตินโดนหมายจับของ ICC หากผู้ต้องหาเดินทางไปในประเทศใดที่เป็นสมาชิก ก็เป็นหน้าที่ของประเทศนั้นที่จะต้องจับตัวส่งศาล
แต่ในทางปฏิบัติ แม้ว่าประเทศนั้นๆ จะไม่ทำตามหมายจับของศาลก็ไม่มีมาตรการลงโทษอะไรได้
ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือและจริงจังของประเทศสมาชิก
ถ้าถามว่าปูตินจะถูกจับไหม มีคำตอบเพียง 2 ทาง
ทางที่หนึ่งคือรัฐบาลรัสเซียส่งตัวเขาไปให้ศาล
ทางที่สองคือประเทศสมาชิก ICC จับเขาส่งศาล
ทั้งสองหนทางไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
เหตุเพราะปูตินเป็นผู้กุมอำนาจเด็ดขาดในรัสเซีย จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่รัฐบาลรัสเซียจะส่งมอบตัวเขาให้ ICC
นั่นแปลว่าตราบที่นายปูตินยังอยู่ในรัสเซีย ก็จะไม่มีความเสี่ยงที่จะถูกรวบตัว
หรือเขาอาจจะถูกจับกุมถ้าเดินทางออกนอกประเทศ
ความจริงก่อนหน้านี้ปูตินก็ไม่ค่อยจะเดินทางไปไหนนอกเขตอิทธิพลของตนอยู่แล้ว เพราะมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติ
จึงไม่น่าจะมีแนวโน้มที่เขาจะเดินทางไปยังประเทศที่ต้องการนำตัวเขาขึ้นพิจารณาคดี
ย้อนกลับไปตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ปูตินเดินทางไปแค่ 8 ประเทศเท่านั้น
และจาก 8 ประเทศนั้น 7 ประเทศคือดินแดนใต้อิทธิพลของรัสเซียที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
ประเทศเดียวที่ปูตินไปเยือนและไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่เป็นพรรคพวกเก่าคืออิหร่าน
เป็นการไปเยี่ยมเยือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน เพื่อพบปะกับอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน
แต่อิหร่านก็เป็นพันธมิตรเหนียวแน่นของมอสโก จึงไม่มีความเสี่ยงใดๆ ที่ปูตินจะถูกจับไปส่งตัวให้ ICC
คำถามต่อมาก็คือแล้วในท้ายที่สุดปูตินจะต้องเผชิญการพิจารณาคดีหรือไม่
เงื่อนไขข้อแรกคือศาล ICC จะไม่พิจารณาถ้าผู้ต้องหาไม่มาปรากฏตัวเอง
อีกประการหนึ่ง รัสเซียไม่ยอมรับขอบเขตอำนาจของ ICC
อุปสรรคใหญ่สำหรับศาลและเป็นประโยชน์สำหรับปูตินคือ ICC ไม่มีกระบวนการพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
มีประเด็นน่าสนใจต่อมาว่า การออกหมายจับปูตินมีผลอย่างไรต่อความเป็นไปของสงครามในยูเครนบ้าง
แม้ปูตินจะไม่ให้ความสำคัญกับความเคลื่อนไหวนี้ แต่การที่ ICC ออกหมายจับนายปูติน ก็เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณจากประชาคมโลกว่ามีการกระทำในสมรภูมิยูเครนที่เข้าข่ายเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
เดิมที ICC บอกว่าจะไม่ออกข่าวเรื่องออกหมายจับให้เป็นที่รู้กันไปทั่ว แต่ก็เปลี่ยนความคิดเมื่อเห็นว่าหากแจ้งเรื่องนี้ให้ประชาคมโลกรับทราบ ก็อาจจะช่วยระงับยับยั้งไม่ให้การก่ออาชญากรรมนี้ดำเนินต่อไป
นั่นคือการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้ซ้ำอีก
ปฏิกิริยาทางการของรัสเซียต่อเรื่องนี้คือ การมองว่าหมายจับของ ICC ไม่มีความหมายใดๆ
รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ากองทัพรัสเซียได้กระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนในยูเครน และโฆษกของนายปูตินเรียกการตัดสินใจออกหมายจับของ ICC ว่าเป็นเรื่อง “เกินกว่าเหตุและยอมรับไม่ได้”
รัสเซียอาจจะมองย้อนไปในอดีต และเห็นตัวอย่างว่าคำสั่งของ ICC ไร้ความหมาย
เช่นกรณีอดีตประธานาธิบดีซูดาน Omar al-Bashir ที่เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง แต่ก็ไม่ถูกจับ แม้ว่าจะมีหมายจับ ICC ในข้อหามีส่วนร่วมในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ดาร์ฟูร์
แล้วหมายจับนี้มีความหมายอย่างไร?
อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นจริงๆ ว่ารัสเซียเป็นประเทศนอกกรอบในประชาคมระหว่างประเทศ
และอาจจะเสริมอำนาจต่อรองของฝ่ายยูเครนและตะวันตกที่กำลังสนับสนุนยูเครนให้ทำสงครามชนะรัสเซีย
อีกด้านหนึ่ง ICC อาจยื่นฟ้องเพิ่มเติมที่โยงกับการรุกรานของรัสเซียไม่กี่เดือนข้างหน้า
ซึ่งก็จะสร้างภาพทางลบต่อรัสเซียเพิ่มขึ้นอีก
เพราะฝ่ายรัฐบาลยูเครนและองค์กรระหว่างประเทศ และอัยการของ ICC ก็กำลังเก็บข้อมูลและหลักฐานที่โยงถึงการกระทำของผู้นำการเมือง ทหาร และทหารรับจ้างของรัสเซีย
ที่ถูกกล่าวหาว่าได้ก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในยูเครน
รวมถึงการสู้รบที่พุ่งไปที่เป้าหมายพลเรือน
แม้แต่การที่ทางรัสเซียประกาศเป็นประจำว่า การถล่มโจมตีหลายๆ รอบนั้นมีเป้าหมายไปที่ “โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน” อันหมายถึงโรงไฟฟ้าและโรงงานผลิตน้ำสำหรับพลเรือน ก็อาจจะเข้าข่ายการทำลายเป้าหมายทางพลเรือน
ดังนั้นแม้ปูตินจะบอกว่าไม่ให้ราคาหมายจับของศาลโลก แต่มันก็จะเป็นเงาที่หลอกหลอนเขาไปในทุกเวทีระหว่างประเทศแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


