เวียดนามจะเข้าใกล้สหรัฐฯ แค่ไหนเพื่อสกัดจีน?
ฮานอยกำลังต้องเล่นเกมถ่วงดุลอำนาจของสองยักษ์ใหญ่อย่างท้าทาย
เป็นที่รู้กันว่าจีนมองเวียดนามด้วยความระแวง และฮานอยก็ยื่นมือกระชับความสัมพันธ์กับวอชิงตันอย่างเร่งรีบเช่นกัน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไปเยือนฮานอยและเรียกร้องให้เวียดนามยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับวอชิงตัน ในการประชุมร่วมกับเหงียน ฟู้ จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
เป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกของบลิงเกนในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ
เห็นได้ชัดว่าเป็นความพยายามของวอชิงตันที่จะดึงเวียดนามมาร่วมนโยบายสกัดกั้นจีน
“ผมเชื่อ…ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ-สิบปีแห่งความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกด้าน และเราเชื่อว่ามีโอกาสที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งนั้น” บลิงเกนกล่าวกับผู้นำเวียดนามก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการ
เป็นการอ้างถึงกรอบการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ลงนามอย่างเป็นทางการในปี 2013
การเยือนครั้งนี้มีขึ้นหลังการคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับเหงียน ฟู้ จ่อง เมื่อปลายเดือนมีนาคม
ในสายตาของนักวิเคราะห์ที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดนั้น น่าจะสรุปได้ว่าความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนามจะเติบโต...แต่ยังมีขีดจำกัด
พอหลี่ เฉียง ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจีนคนใหม่ ก็เริ่มโทรศัพท์หาผู้นำในต่างประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว เบอร์ของผู้นำเวียดนามก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่อที่ต้องเชื่อมต่อทันที
พอต่อสายถึงนายกฯ ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ที่ฮานอย หลี่ เฉียง ก็เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนิน “ความสัมพันธ์เพื่อนบ้าน” ระหว่างจีนกับเวียดนาม
โดยเน้นว่าทั้งสองประเทศควร “ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย-แปซิฟิก”
ก่อนหน้านี้ ฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้คุยโทรศัพท์กับนายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามด้วยเนื้อหาสาระในแนวเดียวกัน
กิจกรรมทางการทูตเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ให้ความสนใจในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กับเหงียน ฟู้ จ่อง หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เพื่อ “ส่งเสริม พัฒนา และกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”
ผู้นำทั้งสองต่างก็เชื้อเชิญให้ไปเยี่ยมซึ่งกันและกัน
จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าเวียดนามกำลังรักษาสมดุลผลประโยชน์ของตนอย่างสุดฤทธิ์
ด้านหนึ่ง เวียดนามต้องการจะยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ
แต่อีกด้านหนึ่ง ฮานอยก็พยายามจะหลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าสู่วงโคจรของอเมริกาเพื่อสกัดกั้นอิทธิพลของจีนในย่านนี้
สี จิ้นผิง เคยประกาศว่าจีนจะสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงกับเวียดนาม
นั่นย่อมเป็น “แรงจูงใจ” ที่สำคัญสำหรับเวียดนาม
ยิ่งนับวันจีนกับสหรัฐฯ ก็ยิ่งยกระดับการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
และเพื่อนบ้านจำนวนมาก รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐฯ เช่น ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ได้ขยับเข้าใกล้วอชิงตันมากขึ้น
ซึ่งปักกิ่งย่อมมองว่านี่คือกลยุทธ์ที่จะ “ปิดล้อม” ตน
เวียดนามกลายเป็นจุดที่มีความสำคัญด้านภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น เพราะมีเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็วและมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในทะเลจีนใต้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ปี 2018 สหรัฐฯ ได้ส่งเรือตรวจการณ์ไปแวะเวียนเวียดนามเกือบทุกปี
ในปี 2017 และ 2021 วอชิงตันส่งมอบเรือระดับ Hamilton สองลำให้ฮานอย
เรือรบฝูงนี้เคยเป็นเรือประเภทใหญ่ที่สุดในหน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯ
ลำที่สามก็พร้อมสำหรับการส่งมอบเมื่อปีที่แล้ว
การส่งมอบเรือเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ US Excess Defense Articles ซึ่งระบุให้สหรัฐฯ มอบยุทโธปกรณ์ทางทหารส่วนเกินแก่พันธมิตรของสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนความพยายามในการปรับปรุงกองทัพและความมั่นคงให้ทันสมัย
การพบปะระหว่างเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของสองประเทศก็เกิดถี่ขึ้น
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักการทูตอาวุโสจากเวียดนามและสหรัฐฯ ได้ประชุมกันที่กรุงวอชิงตันเพื่อหารือด้านการเมืองและความมั่นคง
ส่งผลให้สหรัฐฯ ยืนยันคำมั่นที่จะช่วยเวียดนามปรับปรุงขีดความสามารถทางทะเลและการบังคับใช้กฎหมาย
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ ความร่วมมือของสองประเทศด้านความมั่นคงทางทะเลที่ดูเหมือนจะขยายขอบเขตกว้างขวางขึ้น
เป็นที่ชัดเจนว่า หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ มีความกระตือรือร้นที่จะเพิ่มความคึกคักในอินโด-แปซิฟิก
รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รอบๆ บ้านเรานี่แหละ
สี จิ้นผิง เคยกล่าวกับผู้นำเวียดนามในสารวันตรุษจีนที่ผ่านมาว่า จีนและเวียดนามมีอนาคตร่วมกัน
แต่ต้องยอมรับว่าความระแวงคลางแคลงที่ฝังลึกของเวียดนาม และข้อพิพาทด้านดินแดนในทะเลจีนใต้กับจีนนั้นมีส่วนกระตุ้นให้มีความร่วมมือด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
เวียดนามคงจะติดตามความเคลื่อนไหวระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
เพราะฟิลิปปินส์เปิดไฟเขียวให้สหรัฐฯ เข้าไปใช้ฐานทัพใหม่สี่แห่ง รวมถึงหนึ่งแห่งใกล้กับน่านน้ำพิพาทในหมู่เกาะสแปรตลีย์
แต่เวียดนามคงจะต้องเดินเกมอย่างระมัดระวังกว่าฟิลิปปินส์
อีกทั้งยังมีเหตุผลที่ต่างกันของสองประเทศ
ประการแรก ฟิลิปปินส์เป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญากับสหรัฐฯ ซึ่งผูกพันตามสนธิสัญญาป้องกันร่วมกัน
แต่เวียดนามกับสหรัฐฯ ไม่มีข้อตกลงเช่นนั้น
อเมริกาอาจจะต้องการสิ่งเดียวกันจากเวียดนาม แต่คงไม่ง่าย
เพราะเรื่องอย่างนี้ต้องปรบมือสองข้างจึงจะดัง
น่าศึกษามากว่าเวียดนามกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะวางตัว ณ จุดที่อ้างได้ว่า “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด”
แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย
ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้เพียงใดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ความจริงประเด็นนี้เป็นความท้าทายสำหรับประเทศต่างๆ ในอาเซียนเป็นอย่างยิ่ง
รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย
โจทย์ใหญ่จึงอยู่ที่ในภาวะโลกผันผวนรวนเรอย่างหนักขณะนี้ ประเทศเล็กๆ และกลางๆ จะวางยุทธศาสตร์ทางการทูต ความมั่นคง และเศรษฐกิจอย่างไร
ให้นอกจากจะต้อง “รอด” แล้วยังต้อง “รุ่ง” ด้วย!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


