พุธสัญจรอีกคำรบหนึ่งของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยครั้งนี้เหยียบถิ่นอีสาน และ ฐานที่มั่นของคนเสื้อแดงอย่าง “อุดรธานี” โดย การเหยียบเมืองของ “พญาตู่” ครานี้กลับไม่มีขุนพลคู่ใจคู่กายอย่าง “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย แต่ก็ได้ควาญช้างอย่าง “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเดินทางไปร่วมทัศนาจรด้วย เรียกว่า แม้ไม่ครบ 3 ป. แต่อย่างน้อยก็มี 2 ป. จะไม่มีการปล่อยให้ “ป.เดียวดาย” แน่นอน ...๐
แล้วงานนี้ “ลุงตู่” ก็ได้อ้อนแม่ยกและกองเชียร์อีกคำรบ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ผมเป็นคนโคราช เป็นลูกอีสาน ยังไงผมก็ไม่ทิ้งชาวอีสานอยู่แล้ว” เรียกว่าได้ใจกันทีเดียว
แต่ที่ถูกจับตาอย่างมากในการเดินทางไปเยือน “อุดรธานี” ครั้งนี้ คือการสะเดาะเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้ เพราะดูเหมือน “รัฐบาล” และ “บิ๊กตู่” จะอยู่ในช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกเสียเหลือเกิน เรียกว่าเรื่องวิ่งเข้าหาไม่เว้นแต่ละวัน ...๐
แต่ในที่สุดดูเหมือนจะไม่มี “พิธีกรรม” ดังกล่าว เพราะนายกฯ คงวิเคราะห์แล้วคาดว่าคงมีผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะในโลกโซเชียล หากมีการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ งานนี้จึงมีเพียงการไป สักการะพ่อปู่ศรีสุทโธ และแม่ย่าศรีปทุมมา ประจำวังนาคินทร์ คำชะโนด โดยใช้พานบายศรีขนาดกลางเป็นพญานาค 9 เศียร พร้อมดอกไม้หมากพลูเท่านั้น แต่น่าสนใจว่า “พี่ป้อม” ของน้องตู่ไม่ได้ร่วมสักการะด้วย แต่รออยู่ด้านนอก หรือจะเป็นเพราะ “พี่ป้อม” นั้นนับถือ “พญาครุฑ” การจะไปขอไปสักการะ “พญานาค” ที่เป็นดั่งคู่แค้นกันก็กระไรอยู่ก็มิทราบ ...๐
เอ่ยถึง “บิ๊กป๊อก” ที่ไม่ได้เดินทางมาด้วย เพราะติดภารกิจนั้น ล่าสุด “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ที่เขี้ยวลากดินในเรื่องกฎหมายสมกับเป็น ศิษย์ก้นกุฏิของ “อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์” ก็ได้โยนเผือกร้อนว่าด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาให้แล้ว เพราะดูเหมือนหลังจากการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มาหมาดๆ ก็ถึงคิวที่จะต้องเลือกพ่อเมืองกรุงเทพฯ เสียแล้ว ซึ่งไทม์ไลน์ที่เป็นไปได้แบบรวดเร็วที่สุดก็ต้องประมาณเดือน ก.พ.เป็นต้นไป แต่ที่สำคัญผู้ที่จะกำหนดและขีดเส้นตามที่ “เนติวิษณุ” บอกนั้นคือ “กระทรวงมหาดไทย” ในบังเหียนของ “พล.อ.อนุพงษ์” นั่นเอง ...๐
นอกจากเรื่องขีดเส้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ดูเหมือนบรรดาพรรคการเมืองที่มีฐานที่มั่นใน กทม.ต่างก็จับตาและสนใจเป็นอย่างมากคือ จะยังมีสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หรือไม่อย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน เรียกว่าอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การเลือกตั้งพ่อเมือง กทม.อาจจะต้องทอดระยะเวลาออกไปอีกเพื่อความชัดเจนในจุดนี้ ...๐
หันมาเรื่อง “โอไมครอน” กันบ้าง เพราะว่าเป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่เรียกว่าทำร้ายจิตใจและสร้างความหวาดผวาให้กับคนทั้งโลกอีกคราหนึ่งว่าจะกลายเป็น “ระลอกที่ 4” หรือไม่อย่างไร ซึ่ง “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินจากตัวเลขการติดเชื้อในต่างประเทศแล้วก็ เชื่อว่า “โอไมครอน” หรือ “โอมิครอน” จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นต้นตอของโควิดระลอก 3 แน่นอน ...๐
ในขณะที่พี่ไทยแม้จะมีการสกัดกั้น โดยมีการห้ามประชากรใน 8 ประเทศจากทวีปแอฟริกาเดินทางเข้ามาไทยแบบทันควันพอๆ กับชาติต่างๆ ในยุโรปก็ตามที แต่จากการที่ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร.ได้รับรายงานจาก “พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์” ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. จนถึงการห้าม 8 ชาติเข้าประเทศ มีชาวแอฟริกาได้เข้าไทยมาแล้ว 783 ราย เรียกว่าต้องลุ้นระทึกกันทีเดียว ในขณะที่ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษก ศบค.ก็บอกว่าข้อมูลจากประเทศเสี่ยงสูง 8 ประเทศนั้น ตั้งแต่วันที่ 15-27 พ.ย. มีผู้เดินทางเข้ามาในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ 255 คน ออกนอกประเทศไปแล้ว 3 คน คงค้างอยู่ในประเทศ 252 คน ติดตามตัวได้เพียง 11 คน งานนี้คงต้องช่วยกันและช่วยภาวนาว่าชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงนั้นจะปลอดภัยและแข็งแรงดี เพราะ หากมีเพียง 5-10 คนที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ก็บอกได้เลยว่าปีใหม่ของไทยปีนี้ได้แต่เอวังด้วยประการฉะนี้แน่นอน ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


