การรุกคืบทางการทูตและการเมืองของจีนไปยังประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียกลาง เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของการสยายอิทธิพลของจีนในภาวะการเผชิญหน้ากับโลกตะวันตก ที่ควรค่าแก่การศึกษาและวิเคราะห์อย่างมาก
วันที่ 18-19 พฤษภาคมที่ผ่านมา จีนจัดให้มีการประชุมสุดยอดกับอีก 5 ประเทศในเอเชียกลาง ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์อีกกรณีหนึ่งที่จีนปูพรมแดงให้ผู้นำของ 5 ประเทศในเอเชียกลางที่มีความสำคัญต่อการสยายปีกของจีนในเอเชียกลาง
การประชุมจีน-เอเชียกลางครั้งแรก เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่ขยายตัวกว้างขวางขึ้นของจีน ในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน
เพื่อต่อต้านสิ่งที่จีนมองว่าเป็นระเบียบโลกที่ครอบงำโดยสหรัฐฯ ซึ่งพยายามควบคุมและสกัดกั้นจีน
แม้สี จิ้นผิง จะมีกิจกรรมสำคัญระหว่างประเทศค่อนข้างจะแน่นในช่วงนี้ แต่ผู้นำปักกิ่งก็ไม่ลืมที่จะเป็นเจ้าภาพการพบปะกับระดับนำของประเทศใกล้บ้านหลายชาติที่มีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์
การกำหนดวันประชุมสุดยอดครั้งนี้ก็เป็นจังหวะที่สอดคล้องกับการประชุมสุดยอดกลุ่ม 7 ประจำปีที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์
เป็นการรวมตัวกันของผู้นำประเทศประชาธิปไตยขนาดใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ
หัวข้อสำคัญสำหรับผู้นำ G7 คือวิธีจัดการกับสิ่งที่สหรัฐฯ อ้างว่าเป็นบทบาทที่คึกคักและกร้าวขึ้นในภูมิภาคนี้
สี จิ้นผิง จึงประกาศอย่างเจาะจงว่า จีนจะช่วยประเทศในเอเชียกลางต่อต้าน “การแทรกแซงจากต่างชาติและการปฏิวัติสี” เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ของสี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอดจีน-เอเชียกลาง ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซีอาน
"เราต้องร่วมกันดำเนินโครงการความมั่นคงระดับโลก ต่อต้านการแทรกแซงโดยกองกำลังภายนอกในกิจการภายในของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอย่างเด็ดเดี่ยว...”
สี เสริมว่า "จีนและประเทศในเอเชียกลางจะรวมตัวกันต่อต้านความพยายามยั่วยุ 'การปฏิวัติสี' และสกัดกั้น 'กองกำลังสามฝ่าย' (ลัทธิสุดโต่ง) และพยายามแก้ไขปัญหาความมั่นคงในภูมิภาค" สำนักข่าวซินหัวอ้างคำพูดของผู้นำจีน และสำทับว่า
“จีนพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศในเอเชียกลางปรับปรุงขีดความสามารถด้านการบังคับใช้กฎหมาย ความมั่นคง และการป้องกัน”
ไม่ต้องสงสัยว่าสี จิ้นผิง กำลังเดินหน้าทำทุกอย่างเพื่อเสริมเพิ่มอิทธิพลของจีนในเอเชียกลาง
เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเขาในฐานะรัฐบุรุษระดับโลก
ผู้นำของ 5 ประเทศจากเอเชียกลางที่มาร่วมประชุมสุดยอดครั้งนี้ ได้แก่ คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน
ในสุนทรพจน์เดียวกันนี้ สีเรียกร้องให้จีนและเอเชียกลางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
โดยอ้างถึงความสัมพันธ์ที่มี “ต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง”
การประชุมเป็นเวลา 2 วันยังชี้ให้เห็นถึงความสนใจของจีน ในการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากรัสเซีย
มอสโกคือคู่ค้ารายสำคัญและเป็นประเทศที่เสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคนี้ตลอดมา
แต่สงครามของรัสเซียในยูเครนได้บั่นทอนอิทธิพลของมอสโกในเอเชียกลางไม่น้อย
เปิดช่องให้จีนเข้ามาทดแทนในฐานะพี่ใหญ่เพื่อถมช่องว่างนี้
น่าสังเกตว่าจีนพยายามเน้นกลุ่มประเทศและแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อวางตัวเป็นจุดศูนย์กลาง ไม่ใช่ตะวันตก
เท่ากับเป็นการสร้าง “ระเบียบโลก” อีกรูปแบบหนึ่ง ที่แตกต่างไปจากเดิมที่มีตะวันตกเป็นพระเอกแต่เพียงผู้เดียว
การจัดการประชุมสุดยอดครั้งนี้ที่เมืองซีอานก็มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ไม่น้อย
เพราะซีอานเป็นเมืองในภาคกลางของจีน ซึ่งเป็นจุดแวะพักสำคัญของเส้นทางการค้าสมัยโบราณหรือเส้นทางสายไหม ที่เชื่อมโยงจีนกับเอเชียกลางและตะวันออกกลางมานานหลายศตวรรษ
ความสนใจของจีนต่อเอเชียกลาง มีต้นเหตุมาจากความกังวลที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความรุนแรง และความตึงเครียดทางชาติพันธุ์ในภูมิภาคซินเจียงทางตะวันตกไกลของประเทศ
ซินเจียงมีพรมแดนร่วมกับประเทศในเอเชียกลาง
จีนมองว่าหากช่วยสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ก็จะเป็นวิธีสร้างเสถียรภาพให้ซินเจียงไปในตัว
จีนลงทุนงบประมาณมโหฬารด้วยวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ในการสร้างท่อส่งน้ำมัน ทางหลวง และทางรถไฟ
เพื่อช่วยขนส่งทรัพยากรธรรมชาติสำรองอันอุดมสมบูรณ์ของเอเชียกลางมาสู่จีน
หลายเมืองในจีนต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากเติร์กเมนิสถาน
ขณะที่คาซัคสถานมีแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกนอกตะวันออกกลาง
ในปี 2556 สี จิ้นผิง เลือกคาซัคสถานเป็นสถานที่กล่าวสุนทรพจน์เพื่อประกาศวิสัยทัศน์สำหรับโครงการ Belt and Road Initiative
โครงการ BRI ได้กลายเป็นแผนการที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา
นักวิเคราะห์มองว่า โครงการนี้มีเป้าหมายสุดท้ายก็คือ การดึงดูดประเทศเหล่านี้ให้เข้าใกล้วงโคจรของจีนมากขึ้น
ปีที่แล้ว สีไปเยือนอุซเบกิสถานและคาซัคสถาน อันเป็นการออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19
แม้จะทุ่มเทไม่น้อย แต่ความสัมพันธ์ก็มิใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป
เห็นได้จากที่หลายโครงการ Belt and Road ในภูมิภาคนี้เกิดอาการหยุดชะงักหรือพัวพันกับเรื่องอื้อฉาว
ซึ่งรวมถึงการพังลงของโรงไฟฟ้าในปี 2561 ซึ่งทำให้เมืองหลวงส่วนใหญ่ของคีร์กีซสถานไม่มีความร้อนหรือไฟฟ้า
ประชาชนในท้องถิ่นออกมาประท้วง เพราะหวั่นเกรงว่าประเทศของตนกำลังเป็นหนี้บุญคุณจีนมากเกินไป
อีกทั้งยังมีประเด็นละเอียดอ่อนว่าด้วยการกักขังชนกลุ่มน้อยมุสลิมในซินเจียงของจีน
แนวทางการขยายบทบาทของจีนในภูมิภาคนี้ ได้เพิ่มความซับซ้อนให้ความสัมพันธ์ของสี จิ้นผิง กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ วี. ปูติน แห่งรัสเซีย เพราะทั้งสองประเทศมีการแข่งขันสร้างอิทธิพลในย่านนี้อยู่ในที
สงครามยูเครนกับรัสเซีย ทำให้ประเทศเหล่านี้ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตมีความวิตกกังวลไม่น้อย เพราะบางประเทศกลัวว่ารัสเซียอาจพยายามยึดสถานที่อื่น ๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต หรือสนับสนุนผู้แบ่งแยกดินแดน
แต่สี จิ้นผิง ก็ไม่ลืมที่จะแสดงจุดยืนของจีนในประเด็นนี้อย่างแจ่มชัด
เขาพูดตอนหนึ่งกับผู้นำ 5 ประเทศเอเชียกลางว่า “อำนาจอธิปไตย ความมั่นคง เอกราช และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศในเอเชียกลางต้องได้รับการดูแล”
สหรัฐฯ ก็ไม่ได้ทิ้งย่านนี้เสียเลยทีเดียว
แอนโทนี เจ. บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เยือนคาซัคสถานและอุซเบกิสถานในปีนี้เช่นกัน
โดยหวังว่าจะกระตุ้นให้ประเทศในเอเชียกลางต่อต้านการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย ท่ามกลางการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
แต่สัจธรรมที่ว่า “รักแท้แพ้ใกล้ชิด” อาจจะถูกนำมาใช้ได้ในกรณีนี้อย่างน่าสนใจยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


