ตรรกะ..ป่วย

หมู่นี้..กลับมาอีกแล้วค่ะ กับข้อความที่บรรดามนุษย์ตัวพ่อตัวแม่ ออกมาระบายความรู้สึกที่มีต่อมนุษย์เด็กมนุษย์ลูกที่มีทัศนคติและความคิดต่างๆ..เปลี่ยนแปลงไปจากยุคสมัยของตัวเอง

สรุปว่า ไม่ได้ดั่งใจในเรื่องการเมือง เลยพาลพาโลไม่พอใจกับ "ประชาธิปไตย" ในรูปแบบของลูกๆ หลานๆ

ถึงขั้นบางแพลตฟอร์มในโลกโซเชียล มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเปรียบเทียบวิธีคิดและวิธีทำที่แตกต่างของ Gen x y z กับพ่อแม่ยุคเบบี้บูม

มนุษย์ป้าอยากจะถามว่า ทำไปเพื่ออะไร?!? ทำไปทำไม?!? หากทำแล้วไม่ได้ช่วยรังสรรค์ให้สังคมครอบครัวดีขึ้น แต่กลับตอกย้ำสร้างความปริร้าว แตกแยก

ตรรกะ..ป่วย กลายเป็นวลีที่มนุษย์พ่อแม่และมนุษย์ลุงและมนุษย์ป้าใช้อธิบายเด็กๆ ในวันนี้แบบเหมารวมกันไปหมด ทั้งๆ ที่จริงแล้ว เราควรจะแยกแยะกันว่า แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวนั้นเขาย่อมมีวัฒนธรรมในการปกครองดูแล อบรมสั่งสอนที่แตกต่างกันไป และแต่ละคนก็มีปัจจัย ตัวแปรในการดำรงชีวิตที่ไม่เหมือนกัน

ฉะนั้น เราจะหวังว่าทุกคนจะต้องคิดและปฏิบัติเหมือนครอบครัวของเรานั้น ..Impossible ค่ะ

เมื่อมีพื้นฐานครอบครัว และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง วิธีคิดและวิธีทำก็ย่อมจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีคิดที่เรารู้สึกว่า "วิบัติ" เช่น การบอกว่า เขาเกิดจากความใคร่ของพ่อแม่ เขาไม่ได้เลือกที่จะเกิดกับพ่อแม่ เขาไม่จำเป็นต้องตอบแทนพ่อแม่ และ ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมาย หากเรามองอย่างมีสติ ไม่เอาปัญหาความคิดต่างเกี่ยวกับการบ้านการเมืองมาอธิบายแล้ว คนมีตรรกะแบบที่ผู้ใหญ่อย่างเราเห็นว่าผิดเพี้ยนนั้น เขาอาจจะมีปูม ปม ในชีวิตที่ยากไร้ ลำบาก ปราศจากความสุขในชีวิตครอบครัวก็เป็นได้ไหม?!?

หากเราคิดว่าตรรกะป่วยๆ เกิดจากคนป่วยๆ คิด เราก็จะรู้สึกให้อภัย และแสดงความเมตตาแทนความโกรธ ไม่พึงพอใจ แล้วตอบโต้กลับแบบสะใจกันไปมาอย่างที่เห็นในโลกโซเชียลวันนี้ ..นะคะ เพราะเท่ากับว่า เรากำลังจะใช้ตรรกะที่เราคิดว่ามันป่วยนั้น มาเป็นบรรทัดฐานในการดำรงชีวิตเช่นเดียวกัน

อยากจะบอกว่า เรารู้ว่าขี้มันเหม็น เราก็ไม่ควรเอามือไปจิ้มขี้ แต่เราควรจะเดินหนี หรือไม่ก็ใช้ความเมตตาในการชำระล้างขี้ให้หมดไป ด้วยการคิดดี ปฏิบัติดีอย่างที่เราเคยเป็น เพราะพ่อแม่นั้นไม่มีคำว่าหมดอายุ..ไม่ว่าลูกจะเปลี่ยนไป โลกจะหมุนไปทางไหนก็ตามนั่นเอง.

'ป้าเอง'

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ต่างมุม..ต่างมอง

หยุดกังวล หยุดหงุดหงิด เกี่ยวกับปัญหาการเมืองเรื่องยุ่งๆ แล้วลองหาหนังสือนิทานมาอ่าน จะพบว่า การย้อนเวลากลับไปสู่อดีต ก็ช่วยให้เราผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญ ก็ให้แง่คิดกับเราได้หยุดทบทวนว่า ทางเลือกที่จะสร้างความสุขให้กับตัวเองนั้น อยู่ที่ตัวเรานั่้นแหละ ไม่มีใครมาบังคับกะเกณฑ์ได้ ถ้าเรามีมุมมองแสวงหาความสุข

คำเตือน…ถึงผู้สูงอายุทุกท่าน

วันนี้ในห้องแชตไลน์วัยสาวเหลือน้อยลง ส่งเรื่องราวความเป็นห่วงเป็นใยว่าด้วยอาการ "สำลัก" ให้บรรดาเพื่อนๆ ได้ตระหนักและรับรู้ เพราะมีการเชียร์ว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองหิวน้ำ โดยที่ลืมไปว่าการดื่มน้ำสำหรับผู้สูงวัยนั้นมีแนวโน้มที่จะสำลักสิ่งที่เป็นน้ำไม่น้อยไปกว่าอาหาร

ชีวิตคิดบวก..ดีกว่านะ

การมองโลกในแง่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของเรามีความสุข การคิดบวกเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของเราเป็นบวกได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว เพื่อน คนรัก เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และการทำงาน วันนี้มีคนส่งนิทานเรื่องหนึ่งมาให้อ่าน ท่ามกลางความกังวลของคนมากมายเกี่ยวกับปัญหาการบ้านการเมือง

ไม่เครียด...เอาเท่าไร

ก่อนเลือกตั้งก็ถก อภิปรายกันต่างๆ นานา ว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะเป็นยังไง หากยึดตามนโยบายลด แลก แจก แถม สัญญาว่าจะให้ตามที่พรรคการเมืองต่างๆ หาเสียง ..เรียกว่าเครียดไปตามๆ กัน เพราะรู้สึกไม่ได้ดังใจสักพรรค

อายุ 70 Up คุณคือคนโชคดี

อาจารย์จากมหาวิทยาลัยวาดะของประเทศญี่ปุ่น ได้สรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "คนมีโชค" ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนั้นก็ขอให้ปฏิบัติตนต่อไปดังนี้

แง่ให้คิด..ก่อนเลือกตั้ง

“ชีวิตจะดีหรือเลว อยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่ใช่รัฐบาล” ไม่ทราบชื่อผู้เขียน…แต่เขียนสะท้อนความจริงได้ดีมาก จึงอยากนำมาแชร์ต่อ และหวังว่าจะคิดตามก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าคูหาเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้!!