ก้นหม้อไม่ทันดำ

เดี๋ยวก่อน...

ใจเย็นๆ ครับ คุณพิธา คุณยังไม่ได้เป็นนายกฯ นะครับ

ฉะนั้น การทำอะไร ไปพบกับใคร อย่าเพิ่งคิดว่าทำในฐานะนายกรัฐมนตรี

ที่จริง "พิธา" รู้ครับว่าตัวเองยังไม่ได้เป็นนายกฯ

แต่เท่าที่ดู เหมือนกลอนพาไป เลยเผลอไปบ้างในบางครั้งบางคราว 

เล่นบทนี้บ่อยๆ ระวังนะครับ จะสร้างเงื่อนไขทำให้ตัวเองตกม้าตายโดยไม่รู้ตัว

ที่จริง "พิธา" ยังไม่ควรเดินสายให้มากนัก ควรรอให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตให้เป็นนายกฯ เสียก่อน จากนั้นจะไปพบกับใคร ไปหารือ เจรจา อะไรกับใคร เอาให้เต็มเหนี่ยว เพราะมีความชอบธรรมเต็มร้อยครับ

ที่สำคัญจะได้ไม่เผลอขุดหลุมพรางให้ตัวเองตกลงไป

เอาเป็นว่าวันสองวันที่ผ่านมา หลัง ๘ พรรคการเมืองเซ็นเอ็มโอยูกันแล้ว มันเริ่มมีเหตุการณ์ที่ไม่เป็นผลดีกับการก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ของ "พิธา"

มันเป็นพัฒนาการด้านลบของพรรคการเมืองที่จะร่วมรัฐบาลกัน

แน่นอนครับเบื้องลึกเบื้องหลังฝุ่นตลบยิ่งกว่า PM2.5 ในวันที่อากาศนิ่ง แต่เบื้องหน้าไม่ต่างชาวนาพร้อมใจกันจุดไฟเผาซังข้าว

เริ่มจากประเด็นเบาๆ ก่อนครับ

๒๓ พฤษภาคม "พิธา" พาว่าที่รัฐมนตรีคลัง และอีกหลายๆ คนไปคุยกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มันมีเรื่องที่ "พิธา" ไม่ควรพูด เพราะพูดแล้วมันจะมีปัญหาในการตั้งรัฐบาลภายหลังได้ 

คือการไปบอกว่า

"...ถ้าเป็นรัฐบาลก้าวไกลพรรคเดียว ก็ต้องขึ้น ๔๕๐ บาท แต่พรรคเพื่อไทยเสนอ ๖๐๐ บาทภายใน ๔ ปี ดังนั้นเราเป็นรัฐบาลผสมก็ต้องมีการพูดคุยกัน..."

ระวัง! คนฟังอาจไม่ได้เข้าใจเหมือนคนพูด

เพราะจะแปลความว่า ก้าวไกล มอง เพื่อไทย เป็นตัวถ่วงก็ได้ ทำให้ไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้ทันที ๔๕๐ บาทตามที่หาเสียงไว้

ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โยนขี้

หาก "พิธา" ได้รับเสียงโหวตจากที่ประชุมรัฐสภาไม่ถึงครึ่ง เพื่อไทยจะอ้างเรื่องความเห็นทางนโยบายไม่ตรงกันกับก้าวไกล ขอไปจับมือกับอีกขั้วเพื่อตั้งรัฐบาล เขาก็อ้างได้ครับ

แล้วคิดว่าเพื่อไทยไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้นหรือ เพราะรัก "พ่อส้ม" หรอกนะถึงได้เตือน

ไอ้เรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนี่ก็เช่นกัน ระวังอาจเป็นจุดเปลี่ยน

คุยผ่านสื่อข้ามไปข้ามมาจะมีแต่สาละวันเตี้ยลง

สิ่้งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น ระวังเมื่อรวมกันแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็สายไปแล้วครับ 

เห็น "ชลน่าน ศรีแก้ว" จับคู่ซดกับ "ศิธา ทิวารี" มือขวาของ "เจ๊หน่อย" คล้ายกับว่ามีการส่งสัญญาณบางอย่าง เพราะไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

เหมือน "ศิธา" จับได้ว่า เพื่อไทย มีแผนสอง

ดูตามหน้าเสื่อ คำถามของ "ศิธา" พื้นๆ เลยครับไม่ได้มีอะไร

 “...ท่านจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าท่านจะยืนตัวตรง สู้กับกลไกที่เผด็จการฝังไว้ในบทเฉพาะกาล ๕ ปีแรกของรัฐธรรมนูญ ๖๐ โดยกำหนดให้ ส.ว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯ ด้วยการเซ็น Advance MOU อีก ๑ ฉบับ ระบุว่าท่านจะทำงานร่วมกัน ตามฉันทานุมัติของประชาชน ที่มีให้กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ว่าท่านจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านร่วมกันก็ตาม ได้หรือไม่..."

คือล่มหัวจมท้ายกันไปตลอด ไม่ข้ามขั้วได้หรือไม่?

มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ

คำพูดของ "ศิธา" น่าจะถูกใจหมู่มวลขั้วการเมืองที่เรียกตัวเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" ด้วยซ้ำไป เพราะต่างก็เกลียดชัง เผด็จการทหารรัฐประหารสืบทอดอำนาจเบ็ดเสร็จกันทั้งนั้น

แล้วมันมีอะไรที่ "ชลน่าน" ต้องแสดงความไม่พอใจถึงขั้น ฟิวส์ขาด ถ้าชก "ศิธา" ได้ ชกไปแล้ว

อะไรทำให้ "ชลน่าน" ไม่พอใจถึงขนาดนั้น

หรือ "ศิธา" ไปรู้อะไรลับลวงพรางเข้า ถ้าเป็นแบบนั้น ขอยืมคำพูด ปิยบุตร แสงกนกกุล มาอธิบายเรื่องนี้ให้เห็นบรรยากาศเป็นน้ำจิ้มครับ

"กินปูนร้อนท้อง" หรือ "วัวสันหลังหวะ"

เพราะมันตอกย้ำด้วยคำพูดของ "ชลน่าน" เองว่า เพื่อไทย ไม่ได้ช่วย ก้าวไกล ตั้งรัฐบาลอย่างสุดความสามารถอย่างที่พูดกันก่อนนี้

"...ฝากพรรคแกนนำ อย่าให้เรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาบั่นทอนการทำงานร่วมกันของเรา แต่ถ้าเห็น ๖ เสียงมากกว่า ๑๔๑ เสียงผมก็ยอม..."

รัฐบาลยังตั้งไม่ได้เลย แต่ "ชลน่าน" ให้ก้าวไกลเลือกแล้วว่า จะเอาพรรค ๖ เสียง หรือ พรรค ๑๔๑ เสียง ความขัดแย้งนี้พร้อมที่จะเป็นเหตุผลร่วม ที่เพื่อไทยจะนำไปอ้างจัดตั้งรัฐบาลอีกขั้วได้ง่ายๆ เลยครับ 

ท่าทีของ "อดิศร เพียงเกษ" ก็แทบจะปิดฉากรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"

"...ด้วยความเคารพนายปิยบุตรถือเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล จะกินรวบทุกตำแหน่ง โดยเข้าใจว่าตัวเองเป็นเสียงข้างมาก ความเป็นจริง ๑๕๒ เสียง ยังไม่เกินครึ่ง ถ้าอยากได้ทุกตำแหน่ง ต้องทำให้ได้แบบพรรคไทยรักไทย ๓๗๗ เสียง..."

"...คนที่เป็นเอฟซีอาจติดใจว่า หาเสียงแทบเป็นแทบตาย ไปดูถูกพรรคอื่นว่าสู้ไปกราบไป แต่พอตัวเองได้รับชัยชนะแล้ว สิ่งที่ตัวเองพูดไว้มันจะไม่เหมือนว่าสู้ไปโกหกไปหรือเปล่า นายปิยบุตรคงเป็นห่วงภาพลักษณ์ของพรรคก้าวไกล ยังไม่เป็นรัฐบาลเลยทำอย่างนี้กันเสียแล้ว จะมีความเชื่อมั่นในอนาคตได้อย่างไร..."

"...พรรคก้าวไกลก็ไม่ควรกินรวบ เล่นสลากกินแบ่งกันหรือเปล่า ถ้าพรรคก้าวไกลยังดื้อดัน สมมุติว่าพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลก็เดินไปไม่ได้อยู่ดี ผมไม่อยากให้เกิดภาพนี้ขึ้น..."

แค่ขู่ หรือไม่คิดจะร่วมรัฐบาลกับก้าวไกลตั้งแต่แรก แต่สถานการณ์บีบให้ทำเช่นนั้น

แม้เสียงของ "อดิศร" ไม่ใช่เสียงของเพื่อไทยทั้งพรรค

แต่การที่เพื่อไทยเงียบทั้งพรรค มันก็คือทิศทางของเพื่อไทย

ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร สำคัญขนาดไหน  ก้าวไกล กับ เพื่อไทย ถึงได้แย่งกัน

สภาชุดที่แล้ว ประธานสภาผู้แทนฯ ตกเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคร่วมรัฐบาลลำดับที่ ๒ เป็นผลจากการต่อรองทางการเมือง

ขณะนั้นประชาธิปัตย์จับมือกับภูมิใจไทย เสนอชื่อ "ชวน หลีกภัย" จนพลังประชารัฐต้องกลืนเลือด แต่ก็เป็นการถ่วงดุลอำนาจของพรรคร่วมรัฐบาลที่ลงตัว เพราะความอาวุโสของ "นายหัวชวน"

คราวนี้เพื่อไทยต้องการอย่างมากครับ

เพื่ออะไร?

ก็เพื่อการันตีเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

วันโหวตตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่ใช่วันชี้ชะตาว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี

ถ้าไม่ใช่คนของเพื่อไทย จะถือเป็นวันวัดใจแห่งชาติกันเลยทีเดียว

แต่วันโหวตนายกฯ เพื่อไทย จะโหวตให้ "พิธา"

โดยที่มิต้องการให้ "พิธา" เป็นนายกฯ

เพราะรู้อยู่แล้วว่า "พิธา" จะได้รับเสียงโหวตไม่ถึงครึ่ง

จากนั้นไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงเวลาพรรคอันดับ ๒ จัดตั้งรัฐบาลบ้าง

เขาวางแผนไว้แบบนี้ครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายทุนก้าวไกล

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

รวยแล้วไม่โกงไม่มี

นายกฯ เศรษฐาเปิดใจวานนี้ (๑๕ เมษายน) ฟังแล้วเหมือนเดจาวู "...มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องพูดเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของชีวิตส่วนตัว ส่วนตัวของผมลงตัวแล้ว มีรายได้ในอดีตที่ดีพอสมควร มีทรัพย์สินที่ทำให้อยู่ได้อย่างสบายๆ

รัฐบาลลิงแก้แห

ชี้แจงก็เหมือนไม่ชี้แจง ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คงจะหน้าเขียวไปตามๆ กัน เพราะถูกรัฐบาลบีบให้ร่วมโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต วงเงินที่รัฐบาลล้วงมาคือ ๑๗๒,๓๐๐ ล้านบาท