ต้องสานต่อความมั่นคงทางพลังงาน

ยังไม่ทันจะถึงเวลาครบกำหนดมาตรการลดภาษีสรรพาสามิตน้ำมันดีเซลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ยังพอมีเวลาให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และรัฐบาลรักษาการ สามารถพิจารณาหาแนวทางหรือมาตรการช่วยเหลือ แต่ประเด็นราคาน้ำมันดีเซลเตรียมจะปรับตัวขึ้นลิตรละ 5 บาท ก็ได้กลายเป็นประเด็น “โยนเผือกร้อนให้รัฐบาลใหม่” ไปเสียแล้ว คงต้องมารอลุ้นกันว่าชาวบ้านอย่างเราๆ จะต้องควักกระเป๋ากันจนฉีกเป็นแน่ แล้วรัฐบาลท่านจะแก้ไขอย่างไร

ซึ่งก็ไม่ใช่เพียงเรื่องเดียวที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาแก้ไข ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ เพราะไม่ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการในทันที แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำเป็นอย่างยิ่ง

และเมื่อทำแล้วก็ต้องใช้เวลาในการดำเนินการต่อเนื่องหลายปีกว่าจะสำเร็จ นั่นคือ การสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ ด้วยการลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับบริษัทผู้ได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย ครั้งที่ 24 จำนวน 3 แปลง หรือให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ กระทรวงพลังงาน โดยรัฐมนตรีสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ส่งมอบการบ้านและผลการดำเนินงานที่ดีในเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานไว้ให้กับรัฐบาลใหม่ได้ดูแลสานต่อ

ทั้งนี้ การลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิตเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2566 บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ.อีดี ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/65 และ G3/65 ขนาดพื้นที่รวม 20,133.87 ตารางกิโลเมตร และบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/65 ขนาดพื้นที่ 15,030.14 ตารางกิโลเมตร

ซึ่งโครงการนี้นอกจากจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศในระยะยาวอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจากธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ ในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม อาทิ ธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างแท่นผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจภาคขนส่ง รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับกันว่าที่ผ่านมานั้นไม่ค่อยมีใครสนใจจะสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางพลังงานของประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการมีปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากแหล่งเดิมในปัจจุบัน และแหล่งใหม่ที่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะพบแหล่งปิโตรเลียม เพราะพื้นที่ในการสำรวจใหม่อยู่ใกล้กับโครงการสำรวจและผลิตที่มีอยู่เดิม ทำให้มีโอกาสสูงในการดำเนินการพัฒนาได้

ดังนั้น ไม่ว่าใครจะได้ก้าวเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ก็อาจจะยังไม่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากแหล่งปิโตรเลียมใหม่ 3 แปลงนี้ เพราะการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้นมันต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 ปีในการสำรวจ และอีกประมาณ 3-4 ปีเพื่อการก่อสร้าง วางระบบแท่นขุดเจาะ แท่นผลิต ระบบขนส่ง แต่ที่แน่ๆ คือ ประชาชนคนไทยจะได้รับประโยชน์จากการมีแหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น มีปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และช่วยให้ต้นทุนในการซื้อก๊าซธรรมชาติเพื่อมาผลิตกระแสไฟฟ้าลดลงไปด้วย

และที่สำคัญ การลงทุนสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมภายในประเทศตลอดช่วงระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียม 6 ปี เป็นเงินไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท รวมทั้งได้รับผลประโยชน์พิเศษในรูปแบบของค่าตอบแทนการลงนาม เงินอุดหนุนเพื่อการพัฒนาปิโตรเลียมในประเทศไทย และอื่นๆ เป็นเงินประมาณ 640 ล้านบาท และหากสามารถพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมได้ในเชิงพาณิชย์ในแปลงสำรวจปิโตรเลียมดังกล่าว ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐในรูปแบบของค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งจากปิโตรเลียมที่เป็นกำไรด้วย.

 

บุญช่วย ค้ายาดี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หวังรัฐแก้ปมค้าชายแดน

การผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ดีนั้น จำเป็นต้องมองในทุกมิติและพัฒนาให้ครอบคลุม จะทิ้งใครหรืองานใดงานหนึ่งไว้ข้างหลัง จะเป็นตัวฉุดรั้งให้การเติบโตนั้นไม่ไปไหน

เร่งแก้ “แต่ไร้ผล”

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นประเด็นที่พูดถึงกันมานานหลายปี โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ที่เมื่อความกดอากาศสูง มีกำลังอ่อนลง และเมื่อลมสงบ ประกอบกับการผกผันกลับของอุณหภูมิในอากาศ จะส่งผลทำให้เกิดสภาพอากาศร้อนด้านบนกดทับอากาศเย็นเหมือนมีฝาครอบ

จับตาบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง

ช่วงนี้หลายคนกำลังสงสัยว่าเพราะเหตุใดค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าเอา อ่อนค่าเอา ตอนนี้ราคาหลุดทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว แม้จะมีการแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า

Digital Walletกระตุ้นค้าปลีกไม่แรง

“โครงการ Digital Wallet” เรียกว่ามีความชัดเจนจากฝั่งรัฐบาลพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไขทั้งในส่วนของประชาชนและร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความชัดเจนในส่วนนี้ก็ยังมีการตั้งคำถาม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเร่งหาวิธีการเพื่อพิสูจน์ความชัดเจน และเดินหน้าโครงการตามขั้นตอนและวิธีการภายใต้กรอบของกฎหมายที่ได้ยืนยันมาโดยตลอด

อัปเกรดอุตฯเหล็กรับมาตรการCBAM

การเดินหน้ามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) นั้น ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากของกลุ่มผู้ผลิต

เร่งกระตุ้นอสังหาฯ

อสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีห่วงโซ่ยาว ตั้งแต่ภาคการผลิตต่างๆ เช่น เหล็ก ซีเมนต์ การท่องเที่ยว ตลอดจนการเงิน หากภาพรวมอสังหาฯ ดีย่อมส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมใกล้เคียง แต่หากลบก็กระทบธุรกิจอื่นๆ ได้เช่นกัน แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกที่ผลักดันให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น แต่ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และภาวะหนี้ครัวเรือนที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ ส่งผลกับภาคอสังหาฯ อย่างเห็นได้ชัด