นิดเดียว....
"นิดเดียว" จริงๆ!
อยากให้พิธา-ก้าวไกล พักโปรโมต สุราก้าวหน้า, นารีเสรีเซ็กซ์, LGBTQ สีรุ้ง และการสนับสนุนแยกแผ่นดินใต้ไว้ก่อน
แล้วลองให้ความเห็นหน่อยซิ ในฐานะ "ว่าที่นายกฯ"
ว่าเหตุเกิดที่ "ป้อมสัญญาณรถไฟ" ย่านนาประดู่ โคกโพธิ์ ปัตตานี เมื่อตอนเที่ยงๆ เมื่อ ๑๐ มิ.ย.๖๖
๔ โจร ทั้งปืนสั้น-ปืนยาวครบมือ ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายกัน เข้ามาจอดใกล้ๆ ป้อม
หนึ่งในนั้น แต่งกายคล้ายหญิงคลุมหน้า
ฉวยโอกาสตอน "ส.ต.ต.พิจักษณ์ บัวแก้ว" อายุแค่ ๒๒ ปี กำลังดูแลความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่นำไม้กั้นถนนที่พาดทางขณะรถไฟวิ่งผ่านขึ้น
๔ โจร ระดมยิงใส่ทั้งป้อมทั้ง ส.ต.ต.พิจักษณ์ ที่ยืนอำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านและรถวิ่งผ่าน ชนิดรัวถี่
ส.ต.ต.พิจักษณ์ ถลาล้มคว่ำ
โจรวิ่งเข้าจ่อยิงซ้ำ ส.ต.ต.พิจักษณ์ดิ้นดับคาที่ แล้วพวกโจรปลดเอาปืนที่ตัว ส.ต.ต.พิจักษณ์ และของเจ้าหน้าที่ในป้อม ขึ้นมอเตอร์ไซค์ ลอยชายไป
เนี่ย....
๗ มิ.ย. นักศึกษาและคนพรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ พรรคเป็นธรรม ทำประชามติ "แยก ๓ จังหวัดใต้" เป็นเอกราช
ที่ ม.อ.ปัตตานี
๑๐ มิ.ย. โจรกราดยิงเจ้าหน้าที่เสียชีวิตขณะดูแลชาวบ้าน
ว่าที่นายกฯ พิธา ให้ความเห็นซิ
โจรเหิมเกริมฆ่าตำรวจในย่านชุมชนตะวันเที่ยงๆ เพราะอะไร แรงจูงใจมาจากไหน หวังผลด้านไหน?
และถ้าพิธาเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว
บอกซิ จะแก้ปัญหานี้ด้วยนโยบายแบบไหน วิธีการอย่างไร ทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาระยะยาว?
-ยุบ กอ.รมน., ยุบ ศอ.บต., ถอนทหารจากพื้นที่
-เลือกตั้งผู้ว่าฯ ให้มีอำนาจประหนึ่ง "ผู้ว่าการรัฐ"
-ให้ทำประชามติ "แยกแผ่นดินใต้" เป็นเอกราช
-ตั้งโจรเป็นทีมเจรจาสันติภาพกับโจร
-เอาโจรลงเลือกตั้งเป็น ส.ส.เข้าสภามากๆ จะยึดแทนแยกประเทศโดยปริยาย
หรือ........
ส่ง "มือฆ่า" ลงไปเด็ดหัวโจรเหมือนยุคทักษิณ?
ไหน...นายกฯ คนที่ ๓๐ ของประเทศ ใช้วิสัยทัศน์ฮาร์วาร์ดบอกซิ ว่าจะใช้วิธีไหนแก้
คุณน่ะ ยัง "ลูกผี-ลูกคน" กับตำแหน่งนายกฯ กลับไม่รู้กาลเทศะ ไปทวง "คำแสดงความยินดี" กับคนที่เขาเป็นอยู่
เรื่องไม่ควรทำ กลับทำ
แต่เรื่องควรทำในฐานะว่าที่นายกฯ คือ "การแสดงความเสียใจ" กับตำรวจที่ถูกโจรยิงตาย กลับไม่ทำ!
ที ไพรด์เดย์ ลงทุนซื้อเสื้อสีรุ้งตัวละเป็นพัน-เป็นหมื่นไปทำแต๋วแตก
กับพวงหรีด พัน-ครึ่งพัน ส่งไปคารวะศพตำรวจผู้สละชีวิตเพื่อสุขประชาซักพวง กลับไม่มีความคิด
หรือ.....
"ส่งสาส์น" แสดงความยินดีไปให้ "หัวหน้าโจรแบ่งแยกดินแดน" แทนแล้วก็ไม่ทราบ!?
แต่ถ้าพิธาบอกว่า จะสานงานต่อจากที่นายกฯ ประยุทธ์วางรากฐานไว้
พัฒนาภาคใต้เป็นศูนย์เศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมฮาลาล หนุนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศหลากวัฒนธรรมแต่อยู่ร่วมศานติ
วางนโยบายให้ทหารร่วมอาสาเน้นพัฒนา สร้างสรรค์ชีวิตและอาชีพ สร้างสัมพันธ์ชุมชน แทนการปราบ
ก็บอกมา ไม่มีใครว่าเคลมหรอก
หรือจะให้ ธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์ กัณวีร์ นำติ่งส้ม-ติ่งโจร ไปทำหน้าที่แทนทหาร-ตำรวจเอง
นั่นก็ว่ามา...
ประชาชนจะได้รู้ทิศทางชัดๆ เหมือนที่บอกเรื่องสุราเสรี เรื่อง LGBTQ เรื่่องจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอะไรนั่น
..................................
ผมบอกแล้ว ขอคุยนิดเดียว จบแค่นั้นนะ
เพราะวันนี้ ผมมีเรื่องดี เรื่องมงคลชาติ จะน้อมนำมาให้อ่านกัน เป็นข่าวไปแล้ว
เรื่อง "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี"
พระราชทานสัมภาษณ์ China Media Group ภาคภาษาไทย เร็วๆ นี้
ขออนุญาตจากที่ "ผู้จัดการออนไลน์" เผยแพร่ นำกระจายต่อ ดังนี้
ในโอกาส "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี"
เสด็จพระราชดำเนินเยือน "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ระหว่าง ๑-๖ มิ.ย.๖๖ นับเป็นครั้งที่ ๕๐ ที่พระองค์เสด็จฯ เยือนจีน ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ จนได้รับพระราชสมัญญานามจากจีน
ให้ทรงเป็น “ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน”
จากที่ทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน อย่างแน่นแฟ้น
โอกาสนี้ ได้พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษแก่ China Media Group ภาคภาษาไทย สื่อหลักของจีน
ผู้สื่อข่าวถามว่า : ปี ๒๕๔๔ พระองค์เสด็จฯ มาประทับยัง ม.ปักกิ่ง เพื่อศึกษาหลักสูตรพิเศษ
และทางมหาวิทยาลัยได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ทั้งอาจารย์และนักศึกษาต่างปลาบปลื้มในพระวิริยอุตสาหะ และได้มีโอกาสถวายงานใกล้ชิด
พระองค์ทรงมองว่า ความสำเร็จของการศึกษาที่ ม.ปักกิ่งคืออะไร และควรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่าง "เยาวชนจีน-ไทย" อย่างไร?
ทรงตอบว่า : ตอนไปปักกิ่ง ตอนนั้น ก็มีหลายคนช่วย มีท่านทูตจีน ตอนนั้น พยายามหาทางให้ได้ไป แล้วก็รู้สึกดีใจมากที่ได้ไป
เพราะอย่างน้อยก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติม แล้วครูอาจารย์ทุกท่านก็พยายามสอน เพราะมีเวลาสั้นมาก แต่ก็มากันทุกวัน
วันนี้ (๕ มิ.ย.๖๖) ตั้งแต่เช้า ครูเหล่านั้น ก็ได้มาคุยด้วย ได้ร่วมงาน (พิธีฉลองการเสด็จฯ เยือนจีน ครั้งที่ ๕๐) ที่ทางรัฐบาลจีนจัด
ก็ดีใจ เพราะว่าไม่ได้พบกันตั้ง ๓ ปีแล้ว ปีนี้ ได้พบกันเป็นครั้งแรกในรอบ ๓ ปี คิดว่าปีหน้า จะได้มาอีก
ด้านความสำเร็จของการศึกษา คือ ถ้าเราได้เรียน แล้วเราต้องสนุก เราต้องชอบ ต้องมีความสุข และได้รับความรู้เพิ่มเติม
แล้วเอาความรู้เหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ เรียกว่าเป็นความสำเร็จของการศึกษา ต้องได้เห็นคุณค่าของผู้อื่นและคุณค่าตัวเอง
เพราะฉะนั้นเยาวชนจีน-ไทย ถ้าได้ศึกษาร่วมกัน ทั้งในห้องเรียนและอยู่นอกห้องเรียน อาจจะคุยแลกเปลี่ยนความรู้ แม้แต่ไปเที่ยวด้วยกัน เล่นกีฬาด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน ก็เป็นสิ่งที่มีค่า
เมื่อโตขึ้นหรือสำเร็จการศึกษา คิดว่าน่าจะติดต่อกันไว้แล้วจะได้ช่วยเหลือกันต่อไปในอนาคต ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และเป็นความสำเร็จของการศึกษา
ไม่เฉพาะที่เรียนความรู้ทางวิชาการ แต่การที่ได้เพื่อน มีความรู้สึกอบอุ่นใจที่มีคนอื่นสนิทด้วย ก็ถือเป็นความสำเร็จ
ผู้สื่อข่าว : ปี ๒๕๖๖ เป็นปีครบรอบ ๑๐ ปี ข้อริเริ่มการร่วมกันสร้าง "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ในปี ๒๕๖๕ จีนและไทย ได้ลงนามในแผนส่งเสริมความร่วมมือหลายโครงการ
เช่น การเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างประเทศในภูมิภาค พระองค์ทรงมองว่าจะมีบทบาททางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างไร?
ทรงตอบว่า : คิดว่าเรื่องนี้มีบทบาทใหญ่ เพราะเจอคนไทยหลายคนที่รู้จักกัน ที่เขาขายผลไม้ เขาบอก ตั้งแต่ที่มีรถผ่านทางลาวขึ้นไป เขาขายผลไม้ได้มากขึ้น
จะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น คนจีนได้รับประทานผลไม้จากเมืองไทย เศรษฐกิจเงินทองหมุนเวียน คนไทยคนจีนได้ร่วมมือกันลงทุนหลายโครงการได้มากขึ้น
แต่เสียดายเล็กน้อยที่ทางรถไฟของไทยแคบ แต่ทางรถไฟจีนสร้างที่ลาวกว้างกว่า
แต่ก็ไม่เป็นไร เราก็เปลี่ยนรถไฟเมื่อเดินทางถึงชายแดนแล้วเราข้ามไปลาว อาจจะไปถึงท้องที่ต่างๆ เท่าที่ถาม รถไฟเส้นนี้ จะไปทั่วในประเทศจีน
แล้วจะออกไปทางตะวันตก ไปยุโรปต่อไปในอนาคต ซึ่งมีอีกสายจะเชื่อมกัน คิดว่าไม่เฉพาะเศรษฐกิจไทย-จีน แต่ว่าเศรษฐกิจทั่วโลก น่าจะดีขึ้นจากข้อริเริ่มนี้
คนไทย คนจีน แม้แต่คนชาติอื่นอาจจะได้ร่วมมือกัน หวังว่าจะมีโครงการลงทุนในประเทศไทย คนจีนมาลงทุน และคนไทยก็ได้ไปลงทุนในประเทศจีน
ไม่เฉพาะด้านค้าขาย แต่ยังได้การเดินทาง ท่องเที่ยว ล้วนแต่เป็นเรื่องดีๆ ทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าว : แล้วพระองค์ทรงมีแผนจะโดยสารรถไฟสายนี้ในอนาคตไหม?
ทรงตอบว่า : อยากลอง ก่อนหน้านี้เคยไปหลายสาย อย่างที่เซี่ยงไฮ้ เส้นทางไปสนามบิน ตอนนั้นยังเป็นตอนเริ่มต้น แต่ถ้าทางไกลก็ยังไม่เคยไปทางรถไฟความเร็วสูง คิดว่าจะหาทางเดินทางให้ไกลกว่านั้น
ผู้สื่อข่าว : ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ เป็นต้นมา พระองค์เสด็จฯ เยือนจีน ๕๐ ครั้งแล้ว เสด็จฯไปเกือบทุกพื้นที่ของจีน พื้นที่ใดบ้างที่พระองค์ทรงประทับใจ?
ทรงตอบว่า : ก็มีหลายๆ ที่ ดูน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด รู้สึกว่ายังมีอีกหลายๆ ที่ยังไม่มีโอกาสไป แม้ไปครบมณฑลต่างๆ แล้ว แต่ว่าแต่ละมณฑลมีขนาดใหญ่มาก ก็ต้องพยายามเจาะแต่ละพื้นที่ให้ลึกลงไปอีก จะพยายามหาโอกาสไปแต่ละพื้นที่ ยังมีอีกเยอะที่ควรจะไป
ผู้สื่อข่าว : ในสายพระเนตรของพระองค์ ทรงมองว่าจีนมีภาพลักษณ์อย่างไรเพคะ?
ทรงตอบว่า : คนจีนเป็นคนขยันขันแข็ง มีความเป็นมิตร และเป็นเพื่อนที่ดี
(พระราชทานสัมภาษณ์ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๖ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
สัมภาษณ์โดย คุณหลี่ ฏันฏัน พิธีกร-ผู้สื่อข่าว China Media Group ภาคภาษาไทย
..................................
"ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน"
ที่รัฐบาลจีนถวายเป็นพระราชสมัญญานามแด่ "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" นั้น
"ค่าควรเมือง" โดยแท้
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อภิสิทธิ์’ ชี้วิกฤติ รัฐฯหลอมขั้วเหลว ระบอบทักษิณฟื้น!!
‘อภิสิทธิ์’ ชี้วิกฤติ รัฐฯหลอมขั้วเหลว ระบอบทักษิณฟื้น!! วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
ทักษิณ 'รีเทิร์น' นั่งเมือง
วันนี้คุยเรื่อง "หัวเขียง-หัวขวด" พรรคเพื่อไทยกันต่อ ที่เสนอกฎหมายให้ "นักการเมือง" เข้าไป "ควบคุมกองทัพ"
ร่างฯ 'หัวขวด' เพื่อใคร?
"นักการเมือง" คือคนโง่ เพราะทำอะไรก็ยาก มีกฎหมายหลักคือรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกคือ พ.ร.บ.ต่างๆ
'Grab rider ต้วง'
ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา
สมรภูมิ ประชาธิปไตย | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
สมรภูมิ ประชาธิปไตย จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 08 ธันวาคม 2567
'ดร.บุญส่ง-นพ.ระวี' ส่องจุดจบ! ระบอบทักษิณ ภาค 2 | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 07 ธันวาคม 2567