เมื่อ "พิธา" ขัดขา "พิธา"

เรื่องหุ้น iTV นี่ ตอนนี้ หนวกหูชิบ!

"พิธา-คนมีหุ้น" เขาหมอบ

แต่พวกสื่อ พวกกูรู พวกติ่ง ทั้งหลาย เดือดเนื้อ-ร้อนใจแทน สวมบท "คนตาบอดซื้อหวย"

มองไม่เห็นเลข แต่ "ตาทิพย์" ถกเถียงกันวุ่นวาย!        

iTV เป็นหุ้นสื่อ พิธาผิดบ้าง, ไม่ผิด เพราะเป็นหุ้นมรดกบ้าง

iTV เลิกไปแล้ว ไม่เป็นสื่อบ้าง, เป็น ยังดำเนินกิจการอยู่บ้าง, พิธารอด-เป็นนายกฯ ชัวร์บ้าง, ไม่รอด-หงายท้องแหงแก๋บ้าง

แล้วนี่ มาเวอร์ชั่นใหม่

เป็นคลิปแฉ "ประชุมผู้ถือหุ้น" ไม่ตรงปก!?

มีนักข่าว "เจ้าเดียวในโลก" ได้มา และรายงานเป็นข่าวออกโทรทัศน์ เมื่อวาน ก็เลยทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

แถม "ตาบอดคลำช้าง" จึงครึกครื้น น่าคลื่นไส้ทั้งวัน

ป่านนี้ ก็ยังสรุปไม่ลงตัวว่า ไอ้ที่ยาวๆ นิ่มๆ ดุ๊กดิ๊กได้ข้างหน้า กับไอ้ที่ยาวๆ แข็งๆ แกว่งได้ข้างหลัง

ไหนคือใช่ "ช้าง"?

ชาวบ้านที่ดูข่าวสารก็พลอยมึนตึ้บตามไปด้วย ไม่รู้จะเชื่อใคร-ฝ่ายไหน เพราะแต่ละเจ้า ทั้งสื่อ ทั้งผู้ที่อัญเชิญมาวิสัชนา

ล้วน "อภิมหาปัญญาเชิงปฏิบัติ"!

อย่ากระนั้นเลย ในเมื่อไม่รู้จะเชื่อฝ่ายไหน ยึดข้อมูล "ทางราชการ" เป็นทางเชื่อไว้ก่อน ดีที่สุด

ง่ายๆ ยุคไอที จิ้มไปดูข้อมูลสาธารณะ "กรมพัฒนาธุรกิจการค้า" dbd e-service อยากรู้ข้อมูลบริษัทไหน กดปุ๊บ ข้อมูลไหลปรู๊ดออกมาเลย

บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)

ข้อมูล ณ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ (ก่อนวันเลือกตั้ง ๕ วัน) ตามเอกสารทางทะเบียน บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บมจ.006)

ฉบับล่าสุด นำส่งนายทะเบียนผู้ถือหุ้น เมื่อ ๒๖ เม.ย.๖๖ ยังคงมีชื่อพิธาเป็นผู้ถือหุ้น ๔๒,๐๐๐ หุ้น

แม้พิธาบอกโอนให้ทายาทคนอื่นไปแล้วเมื่อ พ.ค.๖๖ ก็ตาม แต่บริษัทไอทีวียังไม่มีการส่ง บมจ.006 ฉบับใหม่ (ที่ไม่มีชื่อพิธาเป็นผู้ถือหุ้น) ต่อนายทะเบียนแต่อย่างใด

ดังนั้น ต้องถือตามหลักฐานทางทะเบียนว่า...

"นายพิธายังคงเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทไอทีวีอยู่เช่นเดิม"

ข้อมูลทางทะเบียนล่าสุดนี่แหละ....
การพิจารณาในศาลจะยึด "เอกสารทางราชการ" เป็นหลักฐานสำคัญ

"คลิปประชุมผู้ถือหุ้น" อะไรนั่น

เด็กมันรับงานมา "ปาหิน" ลวงคนมีปัญญาแต่บ้องตื้นทางวิจารณญาณให้หลงทางเท่านั้น!

ต้องเข้าใจให้ตรงๆ และชัดๆ ว่า....

iTV เป็นธุรกิจแขนงหนึ่งด้านสื่อ ในจำนวนอีกหลายๆ แขนงตามที่บริษัทไอทีวีจดแจ้งไว้

ตัวบริษัท iTV ซึ่งเป็น "นิติบุคคล" นั่นตะหาก คือผู้ประกอบธุรกิจโทรทัศน์

ตอนจดทะเบียน เมื่อ ๒๐ ต.ค.๔๑ แจ้ง "วัตถุประสงค์" ไว้ชัดเจน ว่าเป็นสื่อ "สถานีโทรทัศน์"!

ฉะนั้น ไอทีวีจะแพร่ภาพอยู่หรือเลิก ก็เรื่องธุรกิจด้านโทรทัศน์ แต่ตัวบริษัทสื่อ ยังดำเนินธุรกิจอยู่

งบการเงินปีล่าสุด ระบุ.....

"ประกอบกิจกรรมการเผยแพร่ภาพยนตร์วีดิทัศน์และรายการโทรทัศน์" ระบุชัด "บริษัทไอทีวี-สื่อโทรทัศน์"

ข้อมูล ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๖

บริษัท iTV ก็ยังแจ้งต่อนายทะเบียนว่า "ยังดำเนินกิจการอยู่"

เห็นทั้งเถียง-ทั้งแถกันจัง ว่าหุ้นนั้นเป็นของกองมรดก ไม่ใช่ของพิธา พิธาไม่เกี่ยว

เอ้า...งั้นฟัง

บริษัท iTV นั้น เป็น "บริษัทมหาชน" จึงมีแนวปฏิบัติสำหรับ "ผู้ถือหุ้น" บริษัทมหาชน ดังนี้

-ผู้ปรากฏชื่อใน บมจ.006 คือผู้ถือครองหุ้น ณ เวลานั้น จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นผู้อื่น

-ถ้าไม่มีข้อความต่อท้าย ว่าถือในนามผู้จัดการมรดกหรือถือแทนผู้ใด ก็ต้องถือว่า ถือในนามตนเอง

-แม้มีข้อความต่อท้าย "ถือแทน" ก็ตาม ก็ยังต้องถือว่า ผู้มีชื่อนั้น เป็นผู้ถือหุ้น เพราะจะต้องเป็นผู้ใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย

เช่น การเข้าประชุม การออกเสียงลงมติ การรับเงินปันผล ฯลฯ

-การกล่าวอ้างว่า มิได้ถือหุ้นในนามตนเอง แต่ถือแทนในนามผู้จัดการมรดกหรือผู้หนึ่งผู้ใด

นั่นเป็นเรื่องภายในระหว่างบุคคลที่อ้างถึง ต้องไปว่ากล่าวกันเอง ไม่เกี่ยวกับบริษัทหรือบุคคลภายนอก

-กรณีพิธาอ้าง "ถือในนามผู้จัดการมรดก" พิธาจึงต้องมีหน้าที่นำสืบเพื่อพิสูจน์ในศาล

ก็มาดูให้ชัดกันอีกที ว่าหุ้นไอทีวี ๔๒,๐๐๐ หุ้น ที่อ้างว่าเป็นมรดกนั้น แท้จริงแล้ว ใครมีชื่อเป็นเจ้าของหุ้น

บมจ.006 บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖ ระบุชื่อ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หรา

ว่าถือหุ้นสามัญบริษัทไอทีวี ๔๒,๐๐๐ หุ้น!

แล้วแบบนี้ คลิปแคลปอะไรนั่น พวกโง่ๆ อย่างเรา ขี่ควายชมทุ่งเพลินๆ ไปดีกว่า

ปล่อยให้พวกฉลาดระดับดอกเตอร์เขาใช้ "ปัญญาเชิงปฏิบัติ" ทำวิทยานิพนธ์ว่าด้วย "แผนสกัดพิธา" เป็นนายกฯ ไปเถอะ

เห็นกดดันกันจัง

ให้ กกต.รับรอง ส.ส.ไวๆ พิธาจะได้เป็นนายกฯ ประเทศจะได้ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมความเจริญไวๆ

กกต.บอกโอเค เห็นว่าจะรับรองเป็นทางการภายใน มิ.ย.นี่แหละ

อย่าว่าแต่ติ่งส้มดีใจเลย ผมก็ดีใจ เพราะรีบรับรอง พิธาจะได้มีสถานะ ส.ส.เร็วๆ

เมื่อเป็น ส.ส.จะได้เข้าเงื่อนไข เรื่องขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ๙๘ (๓) ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยอีกทาง

นอกเหนือจากที่ กกต.ปฏิบัติการเชือดอันสุนทรดาบแรก ทางศาลอาญา ตามมาตรา ๑๕๑ ตาม พ.ร.ก.เลือกตั้ง

"ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี

และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี

ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้น คืนเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่งดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย"

บางกูรูบอก อย่างนี้หลุดแหง

ก็พิธาไม่รู้นี่ว่าเขาขาดคุณสมบัติไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ถ้ารู้ก็ไม่สมัครน่ะซี!

จะบอกให้ เผื่อจะได้บุญบ้าง

จำได้มั้ย เมื่อ ๙ มิ.ย. นักข่าวไปถาม "นายนิวัติไชย เกษมมงคล" เลขาฯ ป.ป.ช.เกี่ยวกับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของพิธา

เลขาฯ ป.ป.ช.บอก.....

"จากการตรวจสอบเบื้องต้น หุ้นบริษัทไอทีวี เป็นชื่อของนายพิธาจริง ถือครองหุ้นอยู่ ๔๒,๐๐๐ หุ้น มูลค่า ๔ หมื่นกว่าบาท"

สดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้เอง เลขาฯ ป.ป.ช.เปิดเผยทรัพย์สินผู้พ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า

"นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเพียงการยื่นตรวจสอบกรณีเข้าดำรงตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งมีการยื่นเรื่องหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด อยู่แล้ว ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งปี ๒๕๖๒"

โอ...พ่อของส้ม

"ไม่มีใครทำ" เพราะกรรมที่ทำไว้เองแท้ๆ "มัดตัวเอง"!

อ้างไม่ได้เลยว่า ตัวเองไม่รู้ว่าขาดคุณสมบัติเพราะถือหุ้นสื่อไอทีวี จะว่าไปแล้ว ขาดการเป็น ส.ส.ในปี ๖๒ ด้วยซ้ำ

เพราะตัวเองรู้ว่ามีหุ้นสื่อ ถึงได้แจ้งต่อ ป.ป.ช. อีกทั้งพิธาก็เห็นตัวอย่างจากธนาธรที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดไปแล้วในกรณีถือหุ้นสื่อ ซึ่งเหมือนกัน

แต่แทนที่จะแก้ไข

กลับจงใจ "ปกปิด-ซ่อนงำ" ถือหุ้นไอทีวีไว้ จนเป็นหัวหน้าพรรคและลงสมัครรับเลือกตั้ง เซ็นใบสมัครให้ลูกพรรค ในอีก ๔ ปีต่อมา

ทั้งที่รู้เต็มอกว่า......

ตัวเองทั้ง "ขาดคุณสมบัติ" ทั้งเข้าลักษณะต้องห้ามลงรับเลือกตั้ง!

เอ้า...ของผมจบ

เชิญนักวิชาการและกูรูใช้ "ปัญญาเชิงปฏิบัติ" อุ้มไข่พิธากันไป ก้าวไกลเป็นรัฐบาลวันไหน ตำแหน่งเพียบ

รอเทียบเชิญกันได้เลย!.

 

คนปลายซอย 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'Grab rider ต้วง'

ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา