เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่ติดตามกันทั่วโลกไม่ใช่สงครามยูเครนหากแต่เป็นศึกภายในของรัสเซีย
เมื่อทหารรับจ้าง Wagner Group ที่นำโดย Yevgeny Prigozhin บุกยึดเมื่อ Rostov ทางใต้ของรัสเซียและเตรียมเคลื่อนทัพเข้าเมืองหลวงมอสโก
เหมือนหนังกำลังจะถึงจุดไคลแม็กซ์...แต่คนเขียนบทหนังต้องการจะทำให้คนดูนั่งไม่ติด...เพราะยังไม่ทันไรเลย ตัวละครเอกในเรื่องสองคนก็เจรจาตกลงกันได้นาทีสุดท้าย
เกิด ‘ดีลลับ สงบศึก’ นาทีสุดท้ายระหว่างปูตินกับปริโกซิน
และยังมี “พระเอก” คนที่สามมาร่วมซีนด้วย นั่นคือประธานาธิบดี Alexander Lukashenko ที่เล่นบทเป็นกาวใจ ช่วยเจรจาต่อรองกับคู่กรณีทั้งสอง
โดยข้อตกลงกะทันหันนั้นมีรายละเอียดว่า
ปริโกซินจะออกจากรัสเซียไป “ลี้ภัย” ที่เบลารุส
และรัฐบาลรัสเซียยกเลิกข้อกล่าวหา “กบฏ” กับเขาและกองกำลังวากเนอร์
อีกทั้งยังจะให้นักรบรับจ้างที่เป็นลูกน้องของปริโกซินขึ้นทะเบียนเป็นทหารประจำการ
เท่ากับสลายข้อตกลงจ้าง Wagner Group ในการทำสงครามในยูเครนไปเลย
เหตุผลทางการ? เพื่อหลีกเลี่ยง "การนองเลือด"
อาจจะมีคนถามว่าเรื่องราวที่สร้างความน่าตื่นเต้นมายาวนานจะจบง่าย ๆ อย่างนี้หรือ?
คำตอบคือยังแน่นอน..สถานการณ์ยังไม่ปกติเพราะเหตุการณ์ “ก่อจลาจลยึดเมือง” ของกลุ่มทหารรับจ้างครั้งนี้ถือเป็นการเปิดจุดอ่อนหลายด้านของปูตินโดยเฉพาะในกองทัพรัสเซีย
สงครามยูเครนคงดำเนินต่อไปแต่ปูตินคงถูกกดดันให้ต้องโยกย้ายระดับสูงกันครั้งใหญ่ เพราะหันซ้ายหันขวาแล้วคงมีคำถามว่าใครคนไหนเกือบจะแปรพักตร์ข้ามขั้วไปฝั่งที่พยายามจะโค่นเขาในช่วงความสับสนใน 2 วันที่ผ่านมา
คำถามใหญ่ที่สุดสำหรับคนรัสเซียและผู้เฝ้าติดตามสถานการณ์ของรัสเซียและสงครามยูเครนก็คือปูตินจะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารที่เป็นมือซ้ายมือขวาหรือไม่
นั่นคือ Sergei Shoigu และ Valery Gerasimov ที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารตามลำดับ
มีหน้าที่รับผิดชอบบัญชาการรบในยูเครน
และเป็นเป้าการโจมตีอย่างต่อเนื่องของปริโกซินหลายเดือนที่ผ่านมา
คำถามที่ตามมาก็คือปูตินกับปริโกซินจะคบกันในฐานะเพื่อนที่ปูตินกล่าวหาในแถลงการณ์ทางการเมื่อวันเสาร์ (แม้ไม่ได้ระบุชื่อตรง ๆ) ว่าเป็น “คนทรยศ” และ “หักหลัง” ต่อไปอย่างไร
ที่เปิดเผยออกมานั้นยังถือว่าเป็นเพียง “สงบศึกชั่วคราว” ใช่หรือไม่
ทั้งสองจะหันมาเคลียร์ใจกันอย่างไร
หรือจะมี “ดีลลับยกสอง” เพื่อรักษาฐานอำนาจต่อไปสำหรับทั้งสองคนอย่างไรต้องจับตากันต่อไป
อีกคำถามหนึ่งก็คือเมื่อปูตินเอาคลิปมานั่งศึกษาและได้เสียงตะโกนเชียร์ “Wagner! Wagner!” ตอนทหารกลุ่มนี้ถอนตัวออกจากเมือง Rostov นั้นมีความหมายอย่างไร
ยิ่งเมื่อชาวบ้านเมืองเดียวกันตะโกนขับไล่ตำรวจที่กลับมาประจำการหลัง “สงบศึก” อย่างไม่พอใจนั้นตีความได้ไหมว่าประชาชนขาดความไว้วางใจอำนาจรัฐเสียแล้ว
ที่ผมเชื่อว่าค่อนข้างจะแน่นอนคือความพยายามเขย่าบัลลังก์ปูตินของ ‘เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด’ ครั้งนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างอำนาจรอบ ๆ ปูตินแน่ ๆ
แต่จะหนักหน่วงและรุนแรงเพียงใด ช้าเร็วอย่างไรย่อมเป็นเรื่องที่ปูตินต้องไตร่ตรองอย่างหนัก
เพราะครั้งนี้เป็นการท้าทายอิทธิพลบารมีของปูตินครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขาขึ้นครองอำนาจทางการเมืองรัสเซียมาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2012 หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
การจลาจลของทหารวากเนอร์ครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนอันสำคัญสำหรับปูติน
บางคนบอกว่าเป็น “ช่วงเวลาที่อันตราย” สำหรับประธานาธิบดีรัสเซียคนนี้
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์แห่งอำนาจของเขาถูกปรับเปลี่ยนชั่วข้ามคืน
จากที่เคยมีคนเชื่อว่าปูตินเป็นผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น
กลายเป็นว่าหัวหน้าทหารรับจ้างที่มีนักรบติดอาวุธอยู่เพียง 25,000 คนสามารถบุกเข้ายึดเมืองและสร้างความปั่นป่วนไปทั่วประเทศถึงขั้นที่มอสโกต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
สะท้อนว่าฐานอำนาจของปูตินมีช่องโหว่และมีจุดเปราะบางหลายด้านที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน
สัจธรรมแห่งอำนาจคือเมื่อคุณอยู่ในอำนาจมานานจนคุณคิดว่าคุณไร้เทียมทาน และจะสามารถรอดพ้นทุกวิกฤต
ครั้งนี้พิสูจน์ว่า “มันก็ไม่แน่เช่นนั้นเสมอไป”
รอดได้...แต่รอดแล้วจะเรียบร้อยเพียงใดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
16 เดือนก่อน ปูตินเปิด "ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ" ในยูเครนเพื่อ "ทำให้รัสเซียปลอดภัยยิ่งขึ้น"
แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีโดรนโจมตีเครมลินและระดมยิงในรัสเซียตะวันตก
และตอนนี้ การก่อกบฏด้วยกองกำลังติดอาวุธของทหารรับจ้างประกาศมุ่งหน้าสู่มอสโกโดยเรียกร้องให้ปลดรัฐมนตรีกลาโหมที่แต่งตั้งโดยปูติน ก่อนที่จะเกิด “ดีลสงบศึก” นาทีสุดท้าย
เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับบัลลังก์แห่งอำนาจของปูตินไม่น้อย
ยิ่งต้องอาศัยผู้นำเบลารุสเป็น “คนกลาง” ช่วยเกลี้ยกล่อมหัวหน้าทหารวากเนอร์ให้ยอมถอยก็ยิ่งแสดงว่าปูตินไม่สามารถจะต่อสายตรงถึงปริโกซินและสั่งให้สลายตัวทันที
อีกทั้งการยอมยกเลิกข้อหา “กบฏ” ต่อทุกคนที่ก่อการครั้งนี้ด้วยก็หมายความว่าปูตินไม่อาจจะใช้ “ไม้แข็ง” จัดการกับใครก็ตามที่กล้าหือกล้าอือกับตนได้
คนที่เชียร์ปูตินก็คงจะชี้ให้เห็นว่าผู้นำรัสเซียคนนี้สามารถจัดการกับวิกฤตของบ้านเมืองได้อีกครั้งหนึ่งโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ
สะท้อนว่าปูตินยังเป็น “พระเอกตลอดกาล” ไม่ว่าใครจะกล้าคิดร้ายกับเขาก็ย่อมจะมีอันต้องถอยไปในที่สุด
อีกไม่นานคงรู้ว่าปูตินจะรักษาสถานภาพของผู้กุมอำนาจอมตะในรัสเซียได้อย่างเหนียวแน่น...หรือต้องโยกย้ายตำแหน่งสำคัญ ๆ รอบตัวครั้งใหญ่
เพื่อรักษาสถานภาพของตนไว้จนกว่าจะประกาศชัยชนะสงครามยูเครนได้
ปูตินเจอทั้งศึกในบ้านและนอกบ้านครั้งนี้ทดสอบความแข็งแกร่งทนทานของผู้นำรัสเซียคนนี้เต็มรูปแบบจริง ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


