ถือเป็นเรื่องที่ตกอกตกใจไม่น้อย จากกรณีกลุ่มเยาวชนรวมกลุ่มกันขว้างก้อนหินใส่ขบวนรถไฟ 372 ปราจีนบุรี-กรุงเทพฯ (สายตะวันออก) ระหว่างขบวนถึงบริเวณชุมชนเพชรพระราม ก่อนถึงที่หยุดรถสุขุมวิท 71 สะพานข้ามคลองแสนแสบ ช่วงระหว่างสถานีหัวหมาก-คลองตัน ในเขตพื้นที่ สน.คลองตัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความอันตราย และเข้าข่ายทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
โดยนายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้ข้อมูลว่า ได้รับรายงานจากนายสถานีมักกะสัน ว่าหลังจากกลุ่มเยาวชนรวมกลุ่มกันขว้างก้อนหินใส่ขบวนรถไฟนั้น ได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้ามาดูแล แต่เมื่อมาถึง กลุ่มเยาวชนได้หลบหนีเข้าไปในชุมชนเพชรพระราม ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม ในการก่อเหตุครั้งนี้มีพลเมืองดีถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานได้ ซึ่ง รฟท.ได้ร่วมประสานข้อมูลเพื่อเร่งสืบสวน เพราะการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และก่อให้เกิดอันตรายระหว่างการเดินรถ อาจส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้บริการ และเจ้าหน้าที่ รฟท.ได้
ในเวลาต่อมาเบื้องต้นพบว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนชอบรวมกลุ่มมานั่งเล่นริมทางรถไฟ และมักมีการขว้างก้อนหินใส่ขบวนรถไฟด้วยความคึกคะนองเป็นประจำ เฉลี่ย 2 เดือนต่อ 1 ครั้ง โดยไม่ทราบเหตุผลของการขว้าง แต่ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงที่ขบวนรถไฟมีการเปิดหวูดสัญญาณแจ้งเตือนประชาชนเด็กและเยาวชนที่อยู่ริมทางรถไฟ ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายระหว่างที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่าน
และเพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการให้บริการรถไฟแก่ผู้โดยสาร และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต ทางนายสถานีรถไฟคลองตันจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจมักกะสัน เพื่อให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ปกครองยังอาจต้องร่วมรับโทษด้วย เนื่องจากการกระทำดังกล่าวมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่เห็นใบหน้าผู้กระทำชัดเจน และยังเป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อขบวนรถไฟ และอาจสร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินในอนาคตได้
ขณะเดียวกัน รฟท.ได้ประสานไปยังสถานีตำรวจมักกะสัน เพื่อขอกำลังให้เข้ามาช่วยดูแลพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเติมในช่วงรถไฟผ่านด้วย ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 21.40 น.ของวันที่ 27 มิ.ย. พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน ได้แจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาได้นำกำลังสายตรวจ สน.คลองตัน เข้าติดตามเด็กเยาวชนที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด 7 คน มีอายุระหว่าง 11-15 ปี พร้อมเชิญตัวผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 7 คนมาทำประวัติและทัณฑ์บนที่ สน.คลองตันแล้ว
จากการสอบถามเยาวชนรับว่าตนเองนั้นลงมือก่อเหตุจริง โดยทำเป็นครั้งแรกเกิดจากสาเหตุความคึกคะนองของกลุ่มเยาวชนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดทำบันทึกทัณฑ์บนความผิดครั้งแรกแก่ผู้ปกครองและเยาวชน ว่าจะไม่ประพฤติตนเช่นนั้นอีก ซึ่งเป็นถือเป็นพฤติกรรมที่ถือว่าเป็นเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ.2549 ออกตามความมาตรา 4 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 โดยหากฝ่าฝืนจะถือว่าเป็นความผิดฐาน ปล่อยปละละเลย หรือยุยงส่งเสริมเด็กหรือเยาวชนให้กระทำความผิด ซึ่งผู้ปกครองได้รับทราบและเข้าใจดี และยังบันทึกข้อตกลงการเลี้ยงดูเด็ก โดยตกลงว่าจะดูแลเยาวชนเป็นอย่างดี และไม่ให้มาก่อเหตุเช่นนี้อีก พร้อมทั้งลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และส่งตัวเยาวชนให้แก่ผู้ปกครอง
หลังจากนี้หากมีการกระทำผิดซ้ำ ผู้ปกครองจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหา ยุยงส่งเสริมให้เยาวชนกระทำความผิด หากเยาวชนไปกระทำผิดซ้ำ ต้องดูว่ามีทรัพย์สินทางราชการส่วนใดเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ สำหรับเยาวชนกลุ่มนี้เป็นเด็กจากหลายชุมชนมารวมตัวกัน ทั้งย่านโรงปูน, เพชรพระราม, หน้ารามคำแหง และซอยเอกมัย 30 โดยก่อเหตุไปด้วยความคึกคะนอง
จากคำบอกเล่าของผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า บางครั้งรถชาวบ้านสัญจรผ่านไปมา หรือโดยสารรถไฟวิ่งผ่านไปมา กลุ่มเยาวชนก็จะเอาหินโยนใส่ด้วยความคึกคะนอง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ผ่านไปมา เวลามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมา เด็กกลุ่มดังกล่าวก็จะสลายตัว พอเจ้าหน้าที่กลับไปก็จะกลับมารวมตัวกันใหม่ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะหากปล่อยไว้ วันข้างหน้าอาจจะเกิดเหตุรุนแรงมากกว่านี้ได้
ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรก ถือว่าอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่ยังเป็นเยาวชจึงยังไม่ได้รับการลงโทษ แม้ว่าวันนี้จะยังไม่มีผู้ที่ได้รับผลกระทบถึงชีวิต ถือเป็นความโชคดี แต่ในวันหน้าอาจจะเกิดความสูญเสียมากกว่านี้ก็ได้ หากกลุ่มเยาวชนได้กระทำการขว้างปาสิ่งของใส่ผู้ที่สัญจรไปมาอีก ดังนั้น รฟท.ยังขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง 2 ข้างทางรถไฟ ช่วยสอดส่องดูแล หากพบเหตุการณ์ผิดปกติ หรือพบบุคคลที่มีพฤติกรรมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อรถไฟ สามารถแจ้งมาได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย.
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดันSMEอีอีซีบุกตลาดตปท.
ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะยังไม่ได้พูดถึงโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มากนัก เนื่องจากคงจะยุ่งกับการบริหารงานในแนวทางอื่นๆ อยู่ แต่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โรงไฟฟ้าฟอสซิลต้นทุนพุ่งโตช้า
ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ซึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจจะโต 1% ชะลอลงจาก 2.8% ในปี 2567 จากการใช้ไฟฟ้าในภาคการผลิตและภาคบริการที่เพิ่ม
เคลียร์ปมสถานีอยุธยา
เมื่อพูดถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ไฮสปีดเทรนไทย-จีน) ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) พบว่าปัจจุบันงานโยธาทั้ง 14 สัญญาคืบหน้าไม่สอดคล้องกัน รวมทั้งปัจจุบันยังมีอีก 2
แจกเงินหวังคะแนน
เก็บตกการประชุม ครม.ในสัปดาห์นี้ ตอนแรกก็รอลุ้นโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 ที่ช่วงเช้า นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาให้ข่าวว่า จะให้ที่ประชุมอนุมัติในวันนี้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นรอเก้อ เพราะ ครม.ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ เนื่องจากยังติดขัดปัญหาบางประการ
เทรนด์Pet Parentบูมไม่หยุด
คงต้องยอมรับว่า Pet Parent ยังคงเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน สะท้อนแนวโน้มและรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงสมือนคนในครอบครัว ยิ่งกว่านั้น
ปี 67 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยหืดจับ!!
ปี 2567 เป็นอีกปีที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ที่ยังคงเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันการเติบโตของธุรกิจ ซึ่ง KKP Research