ปูตินเตือนโปแลนด์ อย่าเปิดสงครามแนวใหม่ใกล้ยูเครน

นั่นคือคำแถลงทางการของผู้นำรัสเซียที่กล่าวกับที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ด้วย

สถานการณ์ที่ทำให้ปูตินต้องออกมาส่งสัญญาณน่ากังวลก็เพราะรัฐบาลโปแลนด์เพิ่มสั่งเสริมกำลังทหารตรงชายแดนตะวันออกที่ติดกับเบลารุส

หลังจากที่กองกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์ของรัสเซียเดินทางถึงเบลารุสเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ได้ระบุว่ามีเป้าหมายอะไรชัดเจน

โปแลนด์ถือว่าการกระทำเช่นนั้นของรัสเซียย่อมเป็นการข่มขู่คุกคามตน จึงต้องตั้งป้อมเพื่อป้องกันตนเอง

ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เยฟเจนีย์ ปริโกซิน หัวหน้าวากเนอร์ปล่อยคลิปต้อนรับนักรบของเขามาเบลารุส

โดยประกาศว่าหน่วยทหารรับจ้างนี้จะไม่มีส่วนร่วมในสงครามในยูเครนอีกต่อไป

แต่สั่งให้ระดมกำลังเพื่อภารกิจที่แอฟริกา

และทำหน้าที่ช่วยฝึกทหารเบลารุสพร้อมกันไปด้วย

ปูตินระบุในถ้อยแถลงว่า: "ถ้าหน่วยรบโปแลนด์ขยับเข้ามาในเมืองของยูเครนเช่นเมือง ลวีฟหรือดินแดนอื่นๆ ของยูเครน ทหารพวกนี้จะยึดพื้นที่เป็นของตนและจะไม่ยอมย้ายออกไปอีก

“นี่จะไม่ใช่เรื่องใหม่ ผมขอเตือนคุณว่าหลังจากความพ่ายแพ้ของเยอรมนีและพันธมิตรเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 หน่วยโปแลนด์ยึดครองลวีฟและดินแดนใกล้เคียงที่เป็นของออสเตรีย-ฮังการีในเวลานั้นด้วย”

ผู้นำรัสเซียเท้าความว่า ประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่าโปแลนด์ถูกยุยงโดยตะวันตกให้ใช้ประโยชน์จากโศกนาฏกรรมของสงครามกลางเมืองรัสเซียและผนวกบางจังหวัดในรัสเซีย 

ปูตินอ้างว่า “ประเทศของเราซึ่งตอนนั้นตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญาริกาในปี 1921 จำใจต้องยอมรับการที่ดินแดนของตนถูกผนวก...”

เขาย้อนประวัติศาสตร์ต่อว่าก่อนหน้านี้ในปี 1920 โปแลนด์ได้ยึดส่วนหนึ่งของลิทัวเนีย - ภูมิภาควิลนา ซึ่งเป็นดินแดนรอบวิลนีอุสสมัยใหม่ 

“โปแลนด์ทำทีร่วมกับลิทัวเนียต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่า "จักรวรรดินิยมรัสเซีย" และทันทีที่มีโอกาสก็คว้าที่ดินจากเพื่อนบ้านทันที...

“ดังที่ทราบกันดีว่าโปแลนด์เข้ามามีส่วนร่วมในส่วนของเชโกสโลวะเกียอันเป็นผลมาจากข้อตกลงมิวนิกกับฮิตเลอร์ในปี 1938 โดยเจ้ายึดครอง Teshinska Silesia อย่างสมบูรณ์...”

ปูตินย้ำต่อว่า ในช่วงทศวรรษที่ 20 และ 30 ของศตวรรษที่ผ่านมาในพื้นที่ที่เรียกว่า Kresy ตะวันออกของโปแลนด์ - และนี่คือดินแดนของยูเครนตะวันตก เบลารุสตะวันตก และส่วนหนึ่งของลิทัวเนีย – มีการพยายามดูดซึมผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นให้เป็นของโปแลนด์ตามมาด้วยการทำลายวัฒนธรรมประจำชาติของประชาชนแถวนั้นด้วย

ปูตินสำทับอีกว่า“ผมขอย้อนความให้คุณได้ตระหนักว่านโยบายที่ก้าวร้าวดังกล่าวจบลงอย่างไรสำหรับโปแลนด์  มันจบลงด้วยโศกนาฏกรรมระดับชาติในปี 1939 เมื่อโปแลนด์ถูกพันธมิตรตะวันตกโยนทิ้งไปยังเครื่องจักรสงครามของเยอรมันและสูญเสียเอกราชและความเป็นมลรัฐไปจริง ๆ...”

ปูตินบอกว่าโปแลนด์ต้องสำนึกบุญคุณที่ได้รับการฟื้นฟูในระดับที่ดีโดยสหภาพโซเวียต 

“โปแลนด์ต้องขอบคุณสหภาพโซเวียต ต้องขอบคุณสตาลิน ที่ทำให้โปแลนด์ได้รับดินแดนสำคัญทางตะวันตกซึ่งเป็นดินแดนของเยอรมนี

“ใช่แล้ว ดินแดนทางตะวันตกของโปแลนด์ในปัจจุบันเป็นของขวัญที่สตาลินมอบให้กับชาวโปแลนด์"

แน่นอนว่าโปแลนด์ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของปูตินอย่างทันท่วงที

และเรียกทูตรัสเซียประจำวอร์ซอร์มาที่กระทรวงต่างประเทศเพื่อประท้วงข้อกล่าวหาของปูตินอย่างร้อนแรง

นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ Mateusz Morawiecki ทวีตตอบโต้ว่า

"สตาลินเป็นอาชญากรสงคราม มีความผิดที่ทำให้ชาวโปแลนด์เสียชีวิตหลายแสนคน ความจริงทางประวัติศาสตร์ประเด็นนี้ชัดเจน ไม่ต้องถกเถียงกันแต่อย่างไร”

สาเหตุที่เกิดความตึงเครียดล่าสุดระหว่างโปแลนด์กับรัสเซียและเบราลุสเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหลังจากเบลารุสประกาศว่าทหารรับจ้างของวากเนอร์ได้เริ่มฝึกกองกำลังพิเศษของเบลารุสในขอบเขตทางทหารที่อยู่ห่างจากชายแดนไม่กี่กิโลเมตร

อีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความกังวลสำหรับโปแลนด์อย่างมากคือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียได้เริ่มประจำการอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีในเบลารุสเป็นครั้งแรก

โดยทางเครมลินกล่าวว่าปูตินจะเข้าพบประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกเพื่อพูดถึงความร่วมมือทางทหารระหว่างสองประเทศที่มีความสนิทสนมมากขึ้น

เป็นผลให้เกิดคำกล่าวจากบอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีว่า เยอรมนีและนาโต้เตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนโปแลนด์ในการปกป้องแนวรบด้านตะวันออกของพันธมิตรทางทหาร

ปูตินย้อนว่ามีรายงานข่าวเกี่ยวกับแผนการสำหรับหน่วยทหารโปแลนด์-ลิทัวเนียที่จะใช้สำหรับปฏิบัติการทางตะวันตกของยูเครน ซึ่งบางส่วนในอดีตเป็นของโปแลนด์ และท้ายที่สุดจะยึดครองดินแดนที่นั่น

“เป็นที่ทราบกันดีว่าพวกเขาฝันถึงดินแดนเบลารุสเช่นกัน” ปูตินกล่าวอ้าง

ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับโปแลนด์เริ่มตึงเครียดแม้ในช่วงก่อนรัสเซียบุกยูเครนในปี 2022

ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีมาเตอุส โมราวีคกีของโปแลนด์เตือนว่า ปูตินพยายามที่จะสร้างจักรวรรดิรัสเซียขึ้นใหม่ และกระตุ้นให้ยุโรปรวมตัวกันและป้องกัน “ไม่ให้ปูตินทำความฝันของเขาให้เป็นจริง”

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ปีนั้น หลังจากที่ปูตินรับรองเอกราชของภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮานสค์ของยูเครน นายกรัฐมนตรีโมราเวียคกีเรียกการกระทำดังนี้ว่า "เป็นการกระทำที่รุกรานยูเครน"

รัฐบาลโปแลนด์เรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจในยุโรปใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินที่รุนแรงต่อรัสเซีย

ตามมาด้วยคำกล่าวหาว่าท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ของเยอรมนีจากรัสเซียเป็น "เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของยุโรป”

เห็นได้ชัดว่าสงครามยูเครนกำลังจะขยายวงจากยูเครนไปสู่เบลารุสและโปแลนด์

เกิดความกลัวว่ารัสเซียกับเบราลุสจะเปิดศึกกับโปแลนด์

ซึ่งก็เท่ากับดึงนาโต้เข้ามาทำสงครามระดับทวีปยุโรปอันน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!