รัฐบาลใหม่ของประเทศไทยจะต้องเจอกับประเด็นเรื่องพม่าที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลประยุทธ์ที่ผ่านมา
จึงจำเป็นจะต้องวิเคราะห์สถานการณ์ให้แม่นว่าเราจะทำหน้าที่ประสานระหว่างอาเซียนกับผู้นำกองทัพพม่าและฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าอย่างไรจึงจะสามารถช่วยให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขให้กับเพื่อนบ้านทางตะวันตกแห่งนี้ได้
คำประกาศของกองทัพพม่าเมื่อสัปดาห์ก่อนที่จะผ่อนผันโทษของอองซาน ซูจีลงจาก 19 ข้อหาเหลือ 14 ข้อหา
และลดโทษจากจำคุก 33 ปีเหลือ 27 ปีนั้นเป็นท่าทีที่จริงจังของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่ายที่จะริเริ่มกระบวนการเจรจากับ “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย” ในพม่าจริงหรือไม่
อาเซียนจะประชุมสุดยอดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
เชื่อกันว่าจะมีการ “ทบทวน” เนื้อหาของฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนว่าด้วยวิกฤตพม่าเพื่อให้สอดคล้องกับ “ความเป็นจริงบนภาคพื้นดิน”
อาจจะหมายความว่าอาเซียนพร้อมจะลดความเข้มข้นของมาตรการที่จะไม่ร่วมสังฆกรรมกับระดับนำของพม่าจนกว่าจะมีความคืบหน้าในการทำตามฉันทามติ 5 ข้อนี้
หรืออาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้าที่หนักขึ้นหรือไม่
อาเซียนเองก็มีท่าทีที่แตกต่างกันในกรณีนี้
อินโดนีเซียซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนปีนี้มีความแน่วแน่ในการที่จะกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าต้องแสดงความคืบหน้าในการทำตาม 5 ข้อที่มิน อ่อง หล่ายไปร่วมประชุมและรับที่จะทำตาม
แต่ถึงวันนี้ก็ยังห่างไกลจากการนำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
อินโดฯ, มาเลซีย, สิงคโปร์กับฟิลิปปินส์โอนเอียงไปในทางเข้มเข้นกับทหารพม่า
ขณะที่เวียดนาม, กัมพูชา, ลาวและไทยมีท่าทีที่ผ่อนปรนมากกว่า
โดยไทยในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนยาวถึง 2,400 กิโลเมตรได้แสดงความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็น “สะพาน” ระหว่างกองทัพพม่ากับอาเซียน
การที่คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศได้พบกับอองซาน ซูจีเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมก่อนที่จะไปร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนั้นก็ถือได้ว่ามีความ “คืบหน้า” ในระดับหนึ่ง
แต่สมาชิกอาเซียนที่ยืนหยัดจะต้องให้กองทัพพม่าแสดงผลงานที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ก็จะเรียกร้องให้ทหารพม่าทำอะไรมากกว่านี้
ขณะที่ประเทศตะวันตกก็จะยังเดินหน้ากดดันรัฐบาลทหารพม่าให้ปล่อยอองซาน ซูจีและนักโทษการเมืองทั้งหมดโดยปราศจากเงื่อนไขและทันที
โดยแจ้งว่าเพียงแค่ลดโทษซูจีอย่างเดียวอาจจะเป็นการสร้างภาพมากกว่าของจริง
ขณะที่จีนและรัสเซียยังสนับสนุนกองทัพพม่าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของอาวุธและเงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ
และฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯก็ยังยืนยันจะยืนเคียงข้างฝ่ายต่อต้าน
ที่สหรัฐฯมีกฎหมายชื่อ Burma Act ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วซึ่งเปิดทางให้อเมริกาส่งความช่วยเหลือทั้งด้านมนุษยธรรมและทางด้านการทหารไปช่วยกลุ่มต่อต้านในพม่า
นั่นย่อมแปลว่าในแง่หนึ่งสภาวะ “สงครามกลางเมือง” ในพม่าอาจจะกลายเป็น “สงครามตัวแทน” ระหว่างมหาอำนาจตะวันตกและจีนกับรัสเซีย
ซึ่งก็ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตกอยู่ในภาวะของความสุ่มเสี่ยงสูงขึ้นหากไม่หาทางสงบศึกในพม่าอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ (ปีหน้าจะส่งไม้ต่อไปให้ สปป. ลาว) ได้พยายามประสานกับกลุ่มต่าง ๆ ในพม่าเช่นรัฐบาลพลัดถิ่น NUG, หรือชาติพันธุ์ติดอาวุธ, และกลุ่มต่อต้านทหารในรูปแบบต่าง ๆ
แต่ทูตพิเศษของอาเซียนว่าด้วยกิจการพม่าก็ยังไม่สามารถทำหน้าที่เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” เพื่อให้มีการหยุดยิงโดยปราศจากเงื่อนไขและเริ่มกระบวนการเจรจาได้จนถึงวันนี้
ที่ผ่านมารัฐบาลไทยพยายามจะรักษาช่องทางการติดต่อกับรัฐบาลทหารพม่าแม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ล้ำเส้น” มาตรการของอาเซียนที่ไม่ให้ไปมาหาสู่กับคนของรัฐบาลทหารพม่า
ไทยได้จัดให้มีการพูดจาอย่างไม่เป็นทางการที่เรียกว่า 1.5 track ซึ่งหมายถึงการพบปะของเจ้าหน้าที่และนักวิชาการจากประเทศต่าง ๆ ที่สนใจ
นอกจากอาเซียนแล้ว ไทยก็ยังเชิญนักวิชาการและเจ้าหน้าที่จากจีน, อินเดียและบังคลาเทศซึ่งล้วนแล้วแต่มีพรมแดนติดกับพม่า
ครั้งแรกจัดที่กรุงเทพฯ, ครั้งที่สองที่นิวเดลฮี
ข่าวแจ้งว่าการพบปะอย่างไม่เป็นทางการนี้จะมีขึ้นที่ สปป. ลาวในเดือนสิงหาคมนี้
หัวข้อในการพูดคุยในเวทีไม่เป็นทางการและไม่ผูกมัดนี้มีทั้งเรื่องการค้ายาเสพติดตรงชายแดน, การค้าวุธและการค้ามนุษย์เพื่อจะได้ร่วมกันหาทางออกที่อาจจะนำไปสู่การเจรจาด้านการเมืองและความมั่นคง
เมื่อมีความเคลื่อนไหวใหม่จากมิน อ่อง หล่ายต่ออองซาน ซูจีจึงน่าสนใจว่าอาเซียนจะขยับต่อไปอย่างไร
เพื่อให้ทุกฝ่ายในพม่าตระหนักว่าการที่ยังมีความขัดแย้งในระดับวิกฤตต่อไปเช่นนี้ย่อมจะเป็นผลร้ายต่อประชาชนชาวพม่าอย่างไม่หยุดยั้ง
ผู้นำทหารพม่าต้องตระหนักแล้วว่าแม้จะถูกปราบปรามอย่างหนักเพียงใด ประชาชนชาวพม่าก็ยังมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง
จิตวิญญาณนักสู้ของคนพม่านั้นเป็นที่ประจักษ์มาแล้วอย่างโชกโชน
และไม่ว่ากองทัพจะใช้วิธีการที่รุนแรงและไร้มนุษยธรรมเพียงใดก็มิอาจจะทนแรงต่อต้านในทุกรูปแบบของประชาชนได้
ดังนั้น หากมิน อ่อง หล่ายยอมเผชิญกับความจริง และนั่งลงเจรจากับอองซาน ซูจีเพื่อจะปูทางไปสู่การวางกฎเกณฑ์กติกาสำหรับคนรุ่นต่อไปของพม่าที่จะสร้างสังคมใหม่อันเป็นที่ปรารถนาของคนทุกหมู่เหล่าในประเทศ
นั่นคือความปรารถนาสูงสุดของคนพม่าและประชาคมอาเซียนอย่างแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


