สหรัฐฯ กดดันจีนเพิ่มเติมอีกรอบด้วยการประกาศห้ามการลงทุนของสหรัฐฯ บางส่วนในควอนตัมคอมพิวติ้งของจีน ชิปขั้นสูง และปัญญาประดิษฐ์
หรือ Quantum computing, advanced chips, and Artificial Intelligence (AI)
เหตุผลที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในคำสั่งนี้ คือต้องการป้องกันไม่ให้กองทัพจีนเข้าถึงเทคโนโลยีและเงินทุนของอเมริกา
อันจะเป็นการสกัดกั้นโอกาสของปักกิ่งที่จะใช้เทคโนโลยีชั้นสูงของสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพที่จะนำมาเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ ได้ในวันข้างหน้า
ถือได้ว่าเป็นความพยายามครั้งใหม่ของวอชิงตันที่จะส่งสัญญาณไปให้จีนว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมให้การวิจัย ค้นคว้า และพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมใหม่ๆ หลุดไปยังมือของจีนได้
คำสั่งผู้บริหารใหม่ของทำเนียบขาวถูกเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า
มีรายละเอียดกำหนดให้บริษัทต่างๆ ของอเมริกาต้องแจ้งให้รัฐบาลทราบถึงการลงทุนเพิ่มขึ้นในสามภาคส่วนนี้ในประเทศจีน
หรือที่มีส่วนเกี่ยวกับจีนไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
ทันทีทันใดนั้นก็มีการวิเคราะห์กันว่าคำสั่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทกองทุนเอกชนที่เรียกว่า private equities และบริษัทร่วมทุน
ที่จะโดนกระทบโดยตรงเช่นกันคือนักลงทุนสหรัฐฯ ในการร่วมทุนกับกลุ่มชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจในจีนหรือในประเทศอื่นก็ตาม
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ คนหนึ่งกล่าวว่า มีการออกแบบนโยบายนี้ให้ "ตรงเป้าหมาย"
นั่นคือการมุ่งเน้นไปที่สามภาคส่วนที่ฝ่ายบริหารของทำเนียบขาวได้กำหนดรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มุ่งเป้าไปที่จีน
ไบเดนเองบอกว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในภาคส่วนนี้ก่อให้เกิด “ความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศที่สำคัญ” เพราะคอมพิวเตอร์สามารถพัฒนาไปในทางที่จะช่วยผลิตอาวุธที่ซับซ้อนและป้องกันการเข้ารหัสที่หน่วยงานสอดแนมใช้เพื่อปกป้องข้อมูลรั่วไหล
นั่นแปลว่าสหรัฐฯ กำลังจะโยงการค้ากับความมั่นคง
และต่อยอดไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เอกชนสหรัฐฯ ทำกับเมืองจีนในทุกรูปแบบที่ตีความได้ว่าเข้าข่ายกระทบถึงอะไรก็ตามที่อาจถูกแปลงไปเป็นกิจกรรมด้านการทหาร
คำสั่งดังกล่าวเป็นชุดปฏิบัติการล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
ซึ่งเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เรียกว่ากลยุทธ์ “ยกรั้วให้สูง”
แน่นอนว่าปักกิ่งต้องตอบโต้ว่าการกระทำของสหรัฐฯ ออกแบบมาเพื่อจำกัดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
กระทรวงพาณิชย์ของจีนแสดง “ความกังวลอย่างจริงจัง” เกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าว
โดยแย้งว่า “นี่เป็นการเบี่ยงเบนไปจากหลักการแข่งขันที่เป็นธรรมและเศรษฐกิจการตลาดที่สหรัฐฯ สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง”
และปักกิ่งยังคงมีสิทธิ์ใช้มาตรการตอบโต้
ซึ่งย่อมแปลว่าปักกิ่งกับวอชิงตันจะต้องมีเรื่องเผชิญหน้ากันอีกด้านหนึ่งที่โยงการค้า, การลงทุน, กับแสนยานุภาพทางด้านทหาร
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ อ้างว่าคำสั่งดังกล่าวจะปกป้องความมั่นคงของสหรัฐฯ ใน “ลักษณะที่กำหนดเป้าหมายอย่างแคบ ขณะที่ยังคงรักษาคำมั่นสัญญาที่มีมาอย่างยาวนานของเราในการลงทุนแบบเปิดเผยและเสรี”
พอมีคำสั่งนี้ออกมา บรรยากาศของความสัมพันธ์ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ก็เกิดอาการร้าวฉานขึ้นมาอีกรอบทันที
ถือได้ว่ามาตรการชุดใหม่นี้เป็นภัยคุกคามต่อความพยายามในการรื้อฟื้นการสื่อสารในระดับสูง
หลังจากที่ทั้งสองประเทศมหาอำนาจเกิดอาการชะงักงันหลังจากกรณีบอลลูนสอดแนมต้องสงสัยบินข้ามสหรัฐฯ เมื่อต้นปีนี้
ไบเดนกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเดิมตกลงกันที่ G20 ในบาหลีในเดือนตุลาคม ว่าต่างฝ่ายต่างจะพยายามรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์
ทั้งสองผู้นำย้ำเตือนว่า จะต้องพยายามทำอย่างไรให้แน่ใจว่า "การแข่งขัน" ระหว่างกันจะไม่แปรรูปเป็น “ความขัดแย้ง”
เพราะต่างฝ่ายต่างเน้นว่าการแข่งขัน หรือ competition เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่แข่งกันจนไปถึง conflict หรือความขัดแย้งที่เยียวยาลำบาก
สหรัฐฯ ได้พยายามประสานกับพันธมิตรเพื่อสร้างฉันทามติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อตอกย้ำความจำเป็นในการจำกัดการลงทุนในจีน
แต่เรื่องนี้พูดง่ายทำยาก
เพราะมีความซับซ้อนไม่น้อย เนื่องจากประเทศอื่นๆ กังวลว่าความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ เป็นการทำอะไรที่ “เกินเลยความพอดี”
ซึ่งจะทำให้ความบาดหมางระหว่างจีนกับตะวันตกรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น
เป็นที่มาของข้อเสนอจากยุโรปบางประเทศว่า แทนที่จะพยายามแยกขั้ว หรือ decoupling ก็ควรจะหันมาหามาตรการ “ลดความเสี่ยง” หรือ de-risking ในการมีความสัมพันธ์กับจีน
ปักกิ่งออกมาตอบโต้ว่าทั้งสองอย่างก็เป็นการเดินสวนทางกับความเป็นจริงที่ว่า โลกจะต้องร่วมมือในการสร้างเสริมเศรษฐกิจที่เปิดกว้างและเป็นธรรม
ไม่ใช่การกดดันบังคับหรือบอยคอตอย่างที่เห็นกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความหวังว่า บางประเทศในยุโรปจะเดินตามวอชิงตันที่เป็นผู้นำ
แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
เพราะมีหลายประเทศที่เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกลับออกมาขวาง
ญี่ปุ่นแย้มออกมาอย่างไม่เป็นทางการค่อนข้างชัดเจนว่า โตเกียวไม่มีความตั้งใจที่จะแก้ไขกฎหมายที่ควบคุมการลงทุนนอกประเทศจีน
สหรัฐฯ อ้างว่าสหราชอาณาจักรและเยอรมนี รวมถึงคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงความสนใจในการพัฒนาระบบการลงทุนขาออกที่คล้ายคลึงกัน
แต่แกนนำของพรรครีพับลิกันกลับออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาตรการของไบเดนเรื่องนี้ยังไม่กว้างพอ
นิกกี เฮลีย์ หนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันวิพากษ์ว่า “เป็นมาตรการครึ่งๆ กลางๆ”
“หากต้องการหยุดให้ทุนแก่กองทัพจีน เราต้องหยุดการลงทุนทั้งหมดของสหรัฐฯ ในบริษัทเทคโนโลยีและการทหารที่สำคัญของจีน” เธอกล่าว
เชื่อได้ว่าจีนจะต้องเดินหน้าออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้
นั่นหมายถึงการเผชิญหน้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในจังหวะที่ตัวแทนทั้งสองพรรคในสหรัฐฯ กำลังเริ่มจะเข้าสู่โหมดการหาเสียงเพื่อแข่งขันในการเลือกตั้งทั่วไป (ทั้งตำแหน่งประธานาธิบดี และ สส. กับ สว.) ที่จะมีขึ้นในปลายปีหน้า
วาทะระหว่างหาเสียงของทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตล้วนเป็นเรื่องร้อนๆ ที่ต่อต้านจีนในหลากหลายรูปแบบทั้งสิ้น
กระแสชาตินิยมและต่อต้านจีนในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ จึงจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตันแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


