ไม่เอาฆ่าน้อง-ขายเพื่อน

แม้หนังสือแจ้งเวียนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะยังไม่ถูกแจกจ่ายไปยัง ก.ตร. ว่าจะนัดประชุม วัน ว. เวลา น. เมื่อใด แต่ถ้ายึดตาม ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ยืนยันเอาไว้ การแต่งตั้ง "นายพลสีกากี" มีกรอบ มีกติกา วางไว้ต้องไม่เกิน 31 ส.ค. แนวโน้มการประชุมในวันที่ 25 ส.ค.ตามเสียงลือก็ยังมีสูง โดยประเดิมวาระแรกการแต่งตั้ง "ผบ.ตร." คนใหม่ แทน "ผบ.เด่น" ที่จะครบเกษียณอายุราชการ มีแคนดิเดตอยู่ 4 ราย ประกอบด้วย บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เกษียณปี 2567 บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เกษียณปี 2574 บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เกษียณปี 2569

และ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เกษียณปี 2567 ซึ่งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปัจจุบัน กำหนดให้ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอชื่อผู้เหมาะสมเพียง 1 รายให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา ก็ต้องวัดใจ นายกฯ ตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเลือกใครจาก 1 ใน 4 แต่ถ้าถามใจเหล่าสีกากีต่างล้วนบอกว่าใครก็ได้ที่รัก "ตำรวจ" ประเภทพวกฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน อย่าไปหยิบขึ้นมาเลย ไม่เช่นนั้น "ตำรวจ" ทั่วประเทศขวัญกระเจิงแน่

การประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ นอกจากพิจารณาคัดเลือก "ผบ.ตร." คนที่ 14 แล้ว อาจจะพิจารณาบัญชีแต่งตั้ง "นายพล" ระดับ รอง ผบ.ตร.ลงมาถึง ผบก.ทั่วประเทศ แบบรวดเดียวจบ เพราะ "ผบ.เด่น" ส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) และผู้บังคับการ (ผบก.) ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้จัดทำบัญชีผู้เหมาะสมส่งมาให้ ตร.พิจารณาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำการพิจารณาความรู้ ความสามารถ เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่ง ทั้งประวัติการรับราชการ พิจารณาตั้งแต่เริ่มรับราชการสัญญาบัตรเพื่อแสดงถึงความต่อเนื่องประสบการณ์ความชำนาญงานในการปฏิบัติงานด้านต่างๆ และผลการปฏิบัติงาน ให้พิจารณาตั้งแต่ดำรงตำแหน่งในระดับปัจจุบันโดยพิจารณาจากผลงานในหน้าที่รับผิดชอบที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำงาน การติดตามงานให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของหน่วย ความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืองานอื่นที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจำปี 2565 ครั้งที่ 2 และ 2566 ครั้งที่ 1

ปีนี้โฟกัสที่น่าสนใจอยู่ในระดับ "ผบช." ที่มีตำแหน่งว่างจากผู้เกษียณอายุราชการถึง 16 ตำแหน่ง และแต่ละตำแหน่งที่ว่างต้องเรียกว่าระดับ A+ อย่าง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท., พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผบช.ตชด., พล.ต.ท.โชคชัย เหลืองอ่อน ผบช.สงป., พล.ต.ท.ณฐพล แสวงกิจ ผบช.ศ., พล.ต.ท.บุณยรัสน์ พุกกะเวส นายแพทย์ รพ.ตร., พล.ต.ท.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ จตร.(หัวหน้าจเรตำรวจ), พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ จตร. และ พล.ต.ท.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบช.สตส. เป็นต้น นอกจากนี้ เก้าอี้ ผบช.ระดับ A+ ที่อยู่ในเกณฑ์ต้องถูกดันขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามเกณฑ์อาวุโส ก็มีอาทิ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบช.สพฐ.ตร. เป็นต้น

ยังคงเป็นปริศนาถึงสาเหตุการตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรมของ ด.ต.อุดม ติแก้ว ผบ.หมู่ (สส.) สภ.ลอง จว.แพร่ ช่วงเช้ามืดภายในกระท่อมในสวน บ้านนาอุ่นน่อง ต.หัวทุ่ง อ.ลอง จ.แพร่ ว่ามาจากสาเหตุอะไรกันแน่ เพราะเท่าที่รู้ก่อนเสียชีวิต "ดาบดม" เขียนจดหมายระบายเรื่องราวความกดดันต่างๆ ที่ได้รับเกือบ 2-3 หน้ากระดาษ แต่หลังจากเสียชีวิตจดหมายดังกล่าวได้หายไป เลยไม่รู้ภายในจดหมายมีอะไรเขียนเอาไว้บ้าง เป็นปริศนาที่น่าค้นหา เผื่อจะได้รู้ถึงปมเหตุที่ทำให้ดาบตำรวจรายนี้ชิงตัดสินใจจบชีวิตลง ทั้งๆ ที่ทำงานผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบทั้งชีวิต ผู้การแพร่ - พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ น่าจะลองนำจดหมายมาอ่านเป็นอุทาหรณ์ป้องกันเหตุซ้ำรอย หรือจะให้ "บิ๊กต๊ะ" พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 มาอ่านด้วยก็ดี ปัญหาการฆ่าตัวตายของตำรวจจะได้ลดลง หากผู้บังคับบัญชารู้สาเหตุที่แท้จริง

แจ้งงดสื่อในวันจันทร์นี้ ในการติดตามภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่จะกลับ “บ้านทหารเสือ” ค่ายนวมินทราชินี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21รอ.) จ.ชลบุรี เพื่อไปร่วมงานวันสถาปนาหน่วยปีที่ 73 โดยเจ้าหน้าที่แจ้งประสานงานจาก ร.21 มายังทำเนียบฯ ว่า “เป็นงานส่วนตัวแบบมากๆ ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าสังเกตการ จึงขอความร่วมมือว่าไม่ต้องไป แต่ถ้ามีสื่อท่านใดไปจะขออนุญาตกันไม่ให้เข้าในพื้นที่ทางการ” สงสัยว่างานนี้มีการจัดใหญ่อำลาเก้าอี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ กันแบบอลังการงานสร้างหรือเปล่า สันนิษฐานกันไปว่า ด้วยความที่เป็นหน่วยรักษาพระองค์เลยไม่อยากให้เอิกเกริกเกินไปหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คงมีเหล่าบรรดาทหารเก่า ทั้งเพื่อนและลูกน้องที่เคยมาตั้งแถวให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์มาร่วมงานกันมาก และอาจจะมีซีนอำลาอาลัย มอบความประทับใจเหมือนกับที่ไปเยือน รร.นายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช อ.หมวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็นได้

คุยกันให้จบ..ก่อนที่ ผบ.เหล่าทัพจะร่วมประชุมบอร์ดปรับย้าย 7 เสือ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 24 ส.ค.นี้ เลยทำให้ “โผ” ระดับ ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ ยังไม่มีการส่งไปที่กระทรวงกลาโหม แว่วว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้คุยกับ ผบ.เหล่าทัพเป็นการส่วนตัวแล้ว ทำให้มีการปรับชื่อที่เสนอขึ้นไปใหม่ทั้งตำแหน่ง ผบ.ทอ.และ ผบ.ทร. โดยเฉพาะที่ทัพฟ้า พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ส่งชื่อ พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ.อาวุโสสุดขึ้นไป คงต้องลุ้นว่าจะสามารถฝ่าอาถรรพ์ “กองบิน 4” ที่ยังไม่มีผู้การกองบินคนไหนได้ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.ได้เลยหรือไม่ โดยสิ้นเดือนนี้ ผบ.ทอ.มีกำหนดการไปเยือนกองบิน 4 เพื่อเป็นประธานในพิธีบรรจุประจำการ อากาศยานไร้คนขับแบบ Dominator ด้วย ขณะที่ ทร.นั้นยังต้องลุ้นกันต่อไปว่าใครจะได้เป็น ผบ.ทร.คนต่อไป ระหว่าง พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผช.ผบ.ทร. พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. และ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม แต่แว่วว่าชื่อที่วางไว้นิ่งในโผแรก มีการเขย่าใหม่ในแผง รวมถึงแผง 5 เสือที่มีการเปลี่ยนชื่ออีก 2 ตำแหน่ง

นอกจากต้องลุ้น “โผทหาร” แล้วยังต้องรอดู โผ รมว.-รมช.กลาโหม หลังยุคที่ไม่มีลุงตู่มา “กุมบังเหียน" โดยกระทรวงที่พรรคพลังประชารัฐตีตราจองคือ “กลาโหม" แม้วันนี้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจไม่ได้มานั่งเอง แต่ก็มีชื่อน้องๆ หลายคนที่ติดโผ เช่น พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลยไปถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เอง ที่อาจจะควบกับรองนายกฯ ฝ่ายมั่นคง คุมตำรวจอีกหนึ่งขา แต่ก็มีข่าวกระเส็นกระสายว่าอาจเป็นชื่อของ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม “น้องรักก้นกุฏิ” ที่ประสานกับกองทัพได้ เพราะเป็นสาย ตท. 20 คอนเนกชันที่ยังมีลูกน้องเติบโตขึ้นมาทัน ไม่ได้ห่างกับ “รุ่นฝนแรก” ของลุงป้อมจนเกินไป ส่วนโควตา รมช.กลาโหม แม้จะมีชื่อของ พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี รุ่นพี่ปกครองของ “โทนี่” ที่สนิทสนมแถมเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ด้วย แต่ตอนนี้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็คาดว่าในที่สุดจะตกเป็นชื่อของทหารมือดีอย่าง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ยุค “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

เป็นข่าวครึกโครม เมื่อโฆษกกระทรวงกลาโหมของจีนแถลงข่าว การฝึกร่วมต่อต้านการก่อการร้ายในประเทศไทยช่วงปลายเดือน ส.ค.ถึง ก.ย. โดยออกมาระบุว่าเป็นการผลักดันความร่วมมือระหว่างกองทัพให้เกิดผลลัพธ์อันดียิ่งขึ้น รวมถึงรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคกับไทย และรับรองความมั่นคงที่ยั่งยืนภายในภูมิภาค ในยามเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเผชิญกับความท้าทายทางด้านความมั่นคงบางประการ โดยการแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ไปเยือนจีนเมื่อสองเดือนก่อน พลิกดูโปรแกรมการฝึกระหว่างไทย-จีน พบว่าจะมีขึ้นกับทุกเหล่าทัพ ไล่ตั้งแต่ ทบ. โดยหน่วยรบพิเศษ ทบ.ไทย-จีน ภายใต้รหัสการฝึก Strike 2023 มีขึ้นที่กรมรบพิเศษที่ 4 ค่ายสฤษดิ์เสนา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ส่วนของ ทร.เป็นการฝึกของทหารนาวิกโยธิน ไทย-จีน Blue Strike  และ Falcon Strike ของ ทอ.ในเดือน ก.ย.นี้ ทั้งหมดนั้น  เป็นการฝึกตามวงรอบการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางทหาร ซึ่งที่ว่างเว้นมา 2-3 ปีเพราะสถานการณ์โควิด-19.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด้ง สารวัตรหญิง ตม. หลัง 'ทนายตั้ม' แฉ!

พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (ผบก.ตม.3) มีหนังสือคำสั่งกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3

'บิ๊กต่าย' ชี้ตำรวจไซเบอร์ยังต้องทำงานหนัก แม้ภาพรวมจับเว็บพนันได้เยอะขึ้น

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังไม่พอใจผลการปฏิบัติงานของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี 'สุรพงษ์ ชัยจันทร์' ผงาดที่ปรึกษาพิเศษตร.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานเพื่อประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 3/2567 โดยมีวาระการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ

ไฟไหม้ห้องทำงาน รองผอ.รร.เมืองตลุงพิทยาสรรพ์  คาดอากาศร้อนทำเบรกเกอร์ช็อต

เกิดเหตุไฟไหม้ห้องรอง ผอ.โรงเรียนมัธยม อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์ ลามไหม้ห้องวิชาการ  เสียหายทั้ง 2 ห้อง  ตรวจสอบพบเบรกเกอร์เครื่องปรับอากาศในห้องรอง ผอ. มีรอยไหม้ คาดไฟฟ้าลัดวงจร บวกกับอากาศที่ร้อนจัด