วัฒนธรรมครอบครัว..วันนี้

สังเกตไหมว่า เดี๋ยวนี้เห็นพ่อแม่ลูก หรือครอบครัวไปนั่งรับประทานอาหารในร้านรวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในห้างหรือภัตตาคารดั้งเดิมตามตึกแถวซอกซอยต่างๆ นั้น เมื่อจับเมนูสั่งอาหารกันแล้ว มือของทุกคนก็จะมีสมาร์ทโฟนคนละเครื่องออกมาส่องๆ จิ้มๆ แล้วท่องอยู่ในโลกส่วนตัว

แล้วเคยลองดูไหมว่า ถ้าเราตั้งกฎกติกามารยาทว่า เวลากินข้าว "ห้าม" หยิบมือถือขึ้นมา จนกว่ากิจกรรมครอบครัวนั่งรับประทานร่วมกันเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย อิ่มหนำสำราญถ้วนหน้าแล้วนั้น บรรยากาศจะแตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง

ถ้าใครไม่เคยทดลอง ก็อยากเชื้อเชิญให้พิสูจน์ทราบ หรือถ้าใครทดสอบแล้วกับวิธีการดังกล่าว ก็ขอปรบมือให้นะคะ เพราะกฎกติกาง่ายๆ นี้ช่วยให้เห็นโลกในอีกมุมมองซึ่งเราลืมหรือขาดหายไปได้อย่างน่าสนใจทีเดียวนะคะ

สำหรับมนุษย์ป้าแล้ว เคยลองวิธีนี้กับเพื่อนฝูง ญาติมิตรที่ไปเที่ยวเขาใหญ่กันค่ะ โดยกำหนดว่า ถ้าใครหยิบมือถือขึ้นมาจะต้องเสียค่าปรับ 100 บาท

เชื่อหรือไม่เชื่อคะ ปรากฏว่าคนที่แหกกฎเป็นคนแรก ไม่ใช่เด็กตัวเล็กตัวน้อย หรือเด็กวัยรุ่น แต่กลับเป็น "คุณแม่" วัย 80 ค่ะ ที่ระเบิดอารมณ์ออกมาว่า ยินดีจ่ายค่าปรับ 100 บาท โดยนางบอกว่า รู้สึกเหมือนอะไรหายไป และหงุดหงิด เหมือนขาดความมั่นใจ

น่าแปลกใช่ไหมคะ ที่เด็กๆ กลับทนยอมรับกติกาดังว่า แต่มนุษย์ป้าไม่รู้สึกแปลกหรอกค่ะ เพราะโดยปกติเด็กชอบท้าทายและตื่นเต้นที่จะได้แข่งขัน คอยจับจ้องว่าใครจะละเมิดกฎ และเสียเงินค่าปรับ

พวกเด็กๆ จะรู้สึกว่าเขาชนะกับเกมที่เล่นบนโต๊ะอาหารนี้ ซึ่งแตกต่างจากผู้ใหญ่ ที่ออกจะรู้สึกขวางหูขวางตา ประมาณว่า ชั้นแก่จนอายุปูนนี้แล้ว อยากเที่ยวสบายๆ บ้าง ทำไมต้องมาบังคับนั่นโน่นนี่      

ดังนั้น พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนยุคดิจิทัล ลองทบทวนดูนะคะว่า ผู้ใหญ่เองเป็น "แม่ปู" ขาเกหรือเปล่า แล้วค่อยไปก่นว่าเด็กๆ ที่เอาแต่จ้องมือถือหรือเล่นคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งเวลากินข้าว.

                                                       'ป้าเอง'

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ของดี...ดับพิษร้อน

นาทีนี้ไปไหนมาไหน เสียงบ่นกันเซ็งแซ่ไม่พ้นเรื่องร้อน ..ร้อน..ร้อน อากาศทะลุ 40 องศาวันเว้นวันบ้าง เว้นสองวันบ้าง เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียว

วันหยุด...ไม่มีชดเชย

กลับไปเยือนเมืองจีนอีกครั้งเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากไปมาครั้งสุดท้าย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ทำบุญ..รู้รักษาสุขภาวะ

ยังคงอยู่วนเวียนอยู่ในเดือนเมษา.หน้าร้อน และเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลวันสงกรานต์ ที่คนไทยนิยมเข้าวัดเข้าวา เพื่อกราบสักการบูชาและสรงน้ำพระเพื่อเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่แบบไทย

ของฝาก..จากวัยอิสระ

ห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทย เชื่อว่าอย่างน้อยสัก 1 วัน เราจะต้องเข้าไปกราบเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ตามประเพณีอันดีงาม พร้อมๆ กับขอพรจากท่าน

ร้อน..ตับแตก

กรมอุตุนิยมวิทยาท่านประกาศว่า ระหว่างวันที่ 2-8 เมษายนนี้ ความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส