เมื่อรัฐบาลมีนโยบายต้องใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบ “ปั๊มหัวใจ” ไม่ใช่เพียงแค่ “หยอดน้ำข้าวต้ม” คำถามใหญ่ก็คือว่าเรามีเงินในกระเป๋ามากน้อยเพียงใด
และประเมินแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นหรือไม่
ที่สำคัญคือทั้งหมดนี้จะ “คุ้มค่า” หรือไม่
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมติดตามชุดตัวเลขและข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณและประเด็นที่โยงกับเศรษฐกิจของประเทศ
เพื่อทำความเข้าใจว่าเรามี “กระสุน” อยู่เท่าไหร่ และจะสามารถยิงใส่ “เป้า” ได้จริงหรือไม่
ที่สำคัญคือเมื่อต้องใช้กระสุนไปจำนวนมากตามนโยบาย “ประชานิยม” มากมายแล้ว จะมีกระสุนสำรองเผื่อยามฉุกเฉินที่คาดไม่ถึงหรือไม่
ก็ได้อ่านพบรายงานที่กระทรวงการคลังรายงานต่อ ครม. ในการประชุมวันแรกของรัฐบาลชุดนี้
ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ครม.มีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบ 2567-2570) “ฉบับทบทวน”
เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ
สาระสำคัญของแผนการคลังระยะปานกลางฯ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
1.สถานะและประมาณการเศรษฐกิจ
ในปี 2567 คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.2 และ GDP Deflator อยู่ที่ร้อยละ 1.8 สำหรับปี 2568
คาดว่า GDP จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.6 และขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในปี 2569 - 2570 ในส่วนของ GDP Deflator ในปี 2568-2570 อยู่ที่ร้อยละ 2.0
2.สถานะและการประมาณการการคลัง
2.1 ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2567-2570 เท่ากับ 2,787,000 2,899,000 2,985,000 และ 3,074,000 ล้านบาท ตามลำดับ
2.2 ประมาณการงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2567-2570 เท่ากับ 3,480,000 3,591,000 3,706,000 และ 3,825,000 ล้านบาท ตามลำดับ
2.3 จากประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิและงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวในปีงบประมาณ 2567-2570 รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณจำนวน 693,000 ,692,000 ,721,000 และ 751,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.63 3.43 3.40 และ 3.36 ต่อ GDP ตามลำดับ
2.4 ประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สำหรับปีงบประมาณ 2567-2570 เท่ากับร้อยละ 64.00 ,64.65 ,64.93 และ 64.81 ตามลำดับ
ประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP นี่แหละครับที่จะถูกจับตาเป็นพิเศษว่าจะ “บวม” จากที่วางแผนเอาไว้วันนี้มากน้อยเพียงใด หากรัฐบาลเดินหน้าทำนโยบายประชานิยมอย่างขึงขังจริงจัง
3.เป้าหมายและนโยบายการคลัง
การดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลางยังมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวผ่านการจัดทำงบประมาณรายจ่ายแบบขาดดุล
เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกันจะมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีภูมิคุ้มกันของภาคการคลัง เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนทางการคลังในอนาคต โดยยึดหลัก “Sound Strong Sustained” ที่มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายการคลังที่สมเหตุสมผล
สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง
รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการคลังในทุกด้าน
ทั้งในส่วนของการฟื้นฟูการจัดเก็บรายได้ การจัดสรรงบประมาณรายจ่าย และการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถรองรับการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล
และคำนึงถึงการรักษาระดับเครื่องชี้ทางการคลังให้อยู่ภายใต้กรอบวินัยการคลัง (Fiscal Discipline) เพื่อมุ่งสู่ภาคการคลังที่ยั่งยืนและมีศักยภาพในการรองรับความเสี่ยงที่ประเทศอาจต้องเผชิญอีกในอนาคต
เป้าหมายของแผนการคลังระยะปานกลางฉบับนี้จะมุ่งเน้นการควบคุมขนาดการขาดดุลงบประมาณต่อ GDP ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการคลังที่เปลี่ยนแปลงไป
และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง
เพื่อมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยมีประมาณการสถานะการคลังในระยะปานกลางภายใต้สมมติฐานทางเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน ดังนี้
ทั้งนี้ ในระยะยาวหากภาวะเศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ ภาครัฐสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการคลังทั้งทางด้านรายได้ รายจ่าย และหนี้สาธารณะได้ เป้าหมายการคลังในระยะยาวจะกำหนดให้รัฐบาลมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลในระยะเวลาที่เหมาะสม
นายกฯเศรษฐาแถลงหลังการมอบนโยบายให้กับกระทรวงการคลังว่าเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะถดถอย และประชาชนเดือดร้อนมาก
เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่านโยบายรัฐบาลมีอะไรบ้าง จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่ต้องสนับสนุนรัฐบาลในทุกๆเรื่อง
นายกฯบอกว่าได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังไป 2 เรื่อง คือ
1.เนื่องจากการทำนโยบายต่างๆต้องใช้งบประมาณสูงมาก จึงต้องตอบประชาชนให้ได้ว่างบประมาณดังกล่าวเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง
และระยะยาวส่งผลต่อ GDP อย่างไร และหนี้สาธารณะควรมีสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างไร
2.เรื่องวิธีการทำงานและเรื่องความเป็นธรรม
รัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารจัดการข้าราชการ โดยเฉพาะระบบเส้นสาย ระบบการโยกย้ายไม่เป็นธรรม และระบบการปูนบำเหน็จ
“วิธีการที่มีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม มีการใช้เส้นสาย หรือมีผู้มีอำนาจทั้งหลายเข้าไปใช้อิทธิพล ผมในฐานะ รมว.คลัง จะช่วยเหลือเขา และเป็นเกราะกำบังให้ เพื่อให้ข้าราชการทั้งหมดทำงานได้ด้วยความสบายใจ มีประสิทธิภาพ และถ้าทำงานดี ก็จะได้รับการปูนบำเหน็จตามความเหมาะสม” นายเศรษฐากล่าว
นายกฯยังย้ำว่านโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทนั้น รัฐบาลไม่มีการกู้เงิน
“เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน 1 หมื่นบาท ทำได้แน่นอน แหล่งเงินมีแน่นอน แต่ขอเวลาอีกหนึ่งเดือนแล้วจะชี้แจงให้ทราบว่าเงินทั้งหมดมาจากไหน”
คุณเศรษฐาย้ำว่า “การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะถ้ามีการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP เองก็จะขึ้น ถ้า GDP ขึ้นแล้วหนี้ขึ้น สัดส่วนของ GDP มากกว่าหนี้ หนี้สาธารณะก็อาจจะไม่เพิ่ม แต่จะคงที่ไว้”
หลักการทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ของรัฐบาลใหม่
สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าทำได้หรือไม่ได้ก็ย่อมอยู่ที่ว่าเมื่อลงมือทำแล้วจะต้องเจอกับอุปสรรคอะไร
ถึงตอนนั้นก็อย่าได้แปลกใจหากจะมีการปรับเปลี่ยนแผนหรือต้องผิดคำพูดที่กล่าวไว้ในตอนนี้
และประโยค “ใจเย็นนิดนึง” กับ “เราต้องยอมรับความจริง...” ก็จะถูกใช้มาอธิบายถึงการเปลี่ยนทิศทางของนโยบายอีกเป็นแน่แท้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


