
ไม่ได้จะฟื้นฝอยหาตะเข็บ!
แต่หากคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ศึกษาดูงาน เตรียมการและเตรียมตัวรับมือน้ำท่วมมา 2 ปี ก่อนจะลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.จริง..
แค่ฝนตกตูม-สองตูม น้ำท่าน่าจะระบายทัน ไม่ท่วมฉับพลัน ขังเสมอฟุตบาท การจราจรอัมพาตติดขัดไปทั่วทุกถนนอย่างวัน-สองวันนี้..ว่ามั้ย?
ก็..ไม่ขอถามเหตุผล ทำไมฝนตกห่าเดียว น้ำถึงได้ท่วมกรุงเทพฯ เพราะรู้ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติจะต้องตอบ.. “เป็นเพราะภาวะโลกร้อน” อีกแหง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ 1.3 ล้านเสียง) มอง..
เป็นเพราะ “ภาวะผู้นำจืดชืด-ไร้น้ำยา-บ้าอีเวนต์-เต้นไป-วิ่งไป” เสียมากกว่า!
กระนั้น..ใคร่ถาม “แนวทางการป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากใน กทม.” ที่ได้พูดหาเสียงเอาไว้เมื่อปีก่อนว่า..
“ท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯ มีความยาวประมาณ 6,000 กิโลเมตร และมีคูคลองประมาณ 2,600 กิโลเมตร จากข้อมูลที่มี พบว่า ที่ผ่านมามีการลอกคลองประมาณ 10% ต่อปี ลอกท่อระบายน้ำไม่มาก
ดังนั้น ต้องเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยในส่วนของคูคลองต้องลอกอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง และเพิ่มพื้นที่ความจุของน้ำ ส่วนท่อระบายน้ำใน กทม. ควรลอกอย่างน้อยปีละ 3,000 กิโลเมตร
คาดว่าจะต้องใช้เงินในการดำเนินการไม่เกิน 300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเห็นว่าต้องสร้างแก้มลิงเพิ่มเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการรองรับและระบายน้ำ” นั้น
ท่านผู้ว่าฯ ได้เอาจริง-เอาจัง สั่งดำเนินการลอกท่อคูคลองเพิ่มไปได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว และผ่านมาปีกว่าลอกไปถึง 3,000 กิโลเมตรตามที่โม้ เอ๊ยคุยหรือยัง?
ถ้ายัง..ก็เอาจริง-เอาจังเสียทีเถอะ แต่ถ้าลอกได้แล้วตามเป้าหมาย (3 พันกิโล) ก็ต้องย้อนถามว่า..แล้วทำไมน้ำถึงยังท่วม กทม.อยู่อีก..
และที่ใช้เงินดำเนินการไป 300 ล้านบาทล่ะ หมายความว่า “สูญเปล่า”อย่างงั้น ใช่ไหม?
“ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ” หวังว่าจะยังคงจำได้ ฉะนั้นก็อย่าให้ถึงกับมีคนเขาทวงถามถึงสปิรง-สปิริตเลย เร่งมือ-สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ได้แล้ว
นโยบาย 214 ข้อที่ลั่นเอาไว้ ท่านผู้ว่าฯ ได้ทำลุล่วงสำเร็จไปกี่ข้อ-ล้มเหลวไปกี่อย่าง ชาวกรุงเทพฯ ควรจะได้รู้ เพราะเท่าที่รู้-ที่เห็น อย่าว่าโน่นนี่เลย..
ล้วนเป็นผลงานของผู้ว่าฯ คนก่อนเสียทั้งเพ!
เอ้า..มัวนั่งบ่นคุณชัชชาติเสียยาวเฟื้อยจนแทบจะหมดเนื้อที่ ก็พอดีเหลือบไปเห็นข่าว “ผู้จัดการออนไลน์” รายงานว่า..
น้ำตาแตกบนเวทีเลยทีเดียว สำหรับ “ตั๊กแตน ชลดา” ลูกทุ่งชื่อดัง หลังถูกแฟนเพลงเซอร์ไพรส์ด้วยการซื้อลิขสิทธิ์เพลงให้ร้องต่ออีก 1 ปี
ซึ่งลิขสิทธิ์ที่ “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ซื้อให้เธอ กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยจะมีผลวันที่ 1 ต.ค.66 ถึงวันที่ 30 ก.ย.67
งานนี้สาวตั๊กแตนเปิดใจทั้งน้ำตา ระบุว่าเป็นเรื่องเซนซิทีฟของตนจริงๆ เคยประกาศบนเวทีว่า อย่าให้มีใครซื้อลิขสิทธิ์เพลงให้แตนอีก
แตนไม่อยากให้สายตาคนที่มองแตนอยู่ตรงนั้นว่า ตั๊กแตน มีตังค์แล้วทำไมไม่ซื้อเอง ทำไมต้องให้แฟนเพลง คนอื่นๆ ซื้อให้ แตนไม่อยากให้คนมามองตนแบบนี้
เพราะเรื่องบางเรื่องเรามีเงิน ก็ไม่ได้หมายความจะซื้อได้ พร้อมขอบคุณค่ายจีเอ็มเอ็มที่ยอมขายลิขสิทธิ์เพลงให้แฟนเพลง จนแฟนเพลงนำมาให้ตนได้ร้องต่อไป”
นี่..ถ้าไม่บอก ผมก็เห็นจะมองคุณตั๊กแตนเป็นนักร้องดัง มีเงิน-มีทอง ทำไมต้องรอให้คนคอยซื้อ “ลิขสิทธิ์เพลง” ให้ด้วยจริงๆ แหละ!
เมื่อทราบแล้วก็ให้เข้าใจ แต่ที่ข้องใจก็ประโยคที่ว่า “บางเรื่องเรามีเงิน ก็ไม่ได้หมายความจะซื้อได้” หมายถึงอย่างไรหรือ?
กำลังจะบอกว่า “แกรมมี่” ไม่ยินดี-ยินยอมขายลิขสิทธิ์เพลงให้ไปร้องหากินหน้าเวทีอย่างนั้นใช่ไหม? แล้วทำไมถึงยอมขายให้คนอื่นทั้งๆ ที่รู้จะเอาไปให้คุณตั๊กแตนร้องล่ะ..
พูดให้ตรงปกได้มั้ย จะได้ไม่สงสัย!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร่างทรงชาวบ้าน
ว้าวว..ลูกชาย “เจ๊แดง” นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 เพื่อไทย! เสียงเพื่อนบนโต๊ะกินข้าวคนหนึ่งอุทานลั่น ทำเอาเพื่อนๆ ร่วมโต๊ะหันมองหน้าด้วยความพร้อมเพรียง ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยถาม..
‘ขอเวลาอีกไม่นาน’!
คั่นสงครามด้วยข่าวบันเทิง!.. เริ่มที่เจ้าพ่อโหนกระแส “คุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” โพสต์ถึงใครก็ไม่รู้.. “ก่อนจะดูถูกคนอื่น ล้างมือล้างตีนตัวเองก่อนดีมั้ย ตีนยังดำอยู่เลย”
‘เด็กเสียนิสัย’?
“สงคราม” ..สนุกแต่เฉพาะในหนังฮอลลีวูด.. นอกจาก “ของจริง” ไม่ใช่เรื่องเล่น-เรื่องสนุก หรือเรื่องที่จะคุยโม้ โอ้อวด เพราะสนามสงคราม คือ “สนามแห่งความเป็น-ความตาย” ของชีวิต (จริง) เหล่าทหารกล้า!
‘ดิสนีย์แลนด์’..ฝันเก้อ?
แก้วตา...หันมาฟังพี่จะบอก เจ้าจงตั้งใจฟังไว้ให้ดี.. คืองี้..เหตุที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชน และคณะกรรมการคัดสรรผู้สมัคร มีมติไม่ส่งคุณธิษะณา ชุณหะวัณ หรือ “แก้วตา” ลงสมัคร สส.กรุงเทพฯ ต่อนั้น..
เหลือไว้ความทรงจำ
สงครามมาพร้อมกับ “ซีเกมส์” แต่ด้วย “ซีเกมส์” เป็นการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติที่จัดกันมาต่อเนื่องจนถึงครั้งที่ 33 ในปีนี้-2568
กาเหว่าที่บางเพลง
“มีผู้อ่านบางคนเข้าใจว่าผมจะได้มีความคิดทางการเมืองหรือทางอื่นๆ แอบแฝงไว้ในหนังสือเล่มนี้ เพื่อจะได้ชี้ให้ผู้อ่านเห็นในสิ่งที่ผมเห็นหรือคิดในสิ่งที่ผมคิด

