หนึ่งในนโยบายรัฐบาลที่กำลังได้รับการกล่าวขวัญอย่างกว้างขวางคือ “ผู้ว่าซีอีโอ”
ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้นอธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของการ “กระจายอำนาจ” การบริหารไปต่างจังหวัด
กลายเป็นประเด็นถกแถลงกันว่านโยบายนี้คืออะไรกันแน่
เพราะคนที่ทำเรื่องกระจายอำนาจมายาวนานกระโดดออกมาบอกทันที่ว่านี่ไม่ใช่นโยบายกระจายอำนาจเป็นแน่แท้
เพราะเท่าที่เคยนำแนวทางนี้มาใช้ในรัฐบาลยุคทักษิณ ชินวัตรนั้นเป้าหมายคือการให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารมิติต่าง ๆ ของจังหวัดนั้น ๆ เพื่อไม่ต้องแบ่งสายบังคับบัญชาไปตามหน่วยงานต่าง ๆ
แต่ก็ยังไม่เคยมีการประเมินผลว่านโยบายเช่นว่านี้ประสบความสำเร็จแค่ไหนอย่างไร
หรือมีจุดอ่อนที่ทำให้ไม่มีรัฐบาลต่อ ๆ มานำมาใช้อีกเลย
คนที่เห็นแย้งกับนโยบายนี้บอกว่าการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่แบบ CEO ของเอกชนนั้นมีไม่ใช่การกระจายอำนาจเป็นแน่แท้
ตรงกันข้ามกลับจะมีผลทำให้ท้องถิ่นอ่อนแอด้วยซ้ำไป
เพราะเมื่อให้อำนาจผู้ว่าฯซึ่งแต่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจเกือบจะเบ็ดเสร็จก็เท่ากับเป็นการตัดการมีส่วนร่วมประชาชน
พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่าหากได้บริหารบ้านเมืองหนึ่งในนโยบายหลักคือการให้ท้องถิ่นมีอำนาจบริหารกิจกรรมของตนเองมากขึ้น
นั่นคือการเลือกตั้งผู้ว่าฯในจังหวัดพร้อม
แต่ไฉน พอมาเป็นแกนตั้งรัฐบาล “ข้ามขั้ว” นโยบายนี้จึงถูกแปลงเป็น “ผู้ว่าซีอีโอ”
คำว่า “ผู้ว่าซีอีโอ” ฟังดูเท่และสวยหรูแต่เจาะลึกลงไปแล้วก็จะเห็นว่าไม่มีความชัดเจนว่าจะนำมาปฏิบัติอย่างไร
ทั้ง ๆ ที่มีการผลักดันเรื่องกระจายอำนาจอย่างจริงจังมายาวนาน แต่ก็ไม่เกิดผลทางปฏิบัติ
เพราะยังมีหวงอำนาจส่วนกลางกันอย่างต่อเนื่อง
คำหวานระหว่างหาเสียงของพรรคการเมืองมักจะพูดถึงการให้คนท้องถิ่นสามารถกำหนดชะตากรรมของตนเอง
แต่พอได้อำนาจแล้ว นักการเมืองเหล่านี้กลับลืมคำมั่นสัญญา
และกลับมารวบอำนาจไว้ที่ตน
เพราะตำแหน่งผู้ว่าฯ และนายอำเภอนั้นมีความสำคัญสำหรับนักการเมืองที่จะใช้เป็นฐานเสียงการเมืองและการควบคุมกิจกรรมที่มีผลประโยชน์มหาศาล
อีกทั้งระบบเดิมนั้นยังทำให้ผู้กุมอำนาจรัฐส่วนกลางกำกับการใช้งบประมาณได้อย่างเต็มที่
ประชาชนเจ้าของประเทศและในฐานะผู้เสียภาษีเองกลับไม่มีส่วนในการบริการตนเองเลย
ผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งประชาชนให้พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยได้ที่นั่งสูงอันดับหนึ่งและอันดับสองนั้นน่าจะสะท้อนว่าประชาชนต้องการจะได้นโยบายการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรมเสียที
เพราะสองพรรคนี้หาเสียงด้วยนโยบายเลือกตั้งผู้ว่าฯมาตลอด
แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลผสมแบบ “สลายขั้ว” นโยบายนี้กลับถูกบิดเบือนกลายเป็นแค่ “ผู้ว่าฯซีอีโอ” ที่ไม่รู้ว่าจะทำให้ชีวิตของชาวบ้านในแต่ละจังหวัดดีขึ้นได้อย่างไร
โดยเนื้อหาสาระแล้วนโยบายผู้ว่าซีอีโอนั้นอาจจะมาจากความสับสนของนักการเมือง หรืออาจจะเป็นการจงใจเข้าใจผิด
เพราะการกระจายอำนาจนั้นย่อมหมายถึงการลดบทบาท อำนาจ ภารกิจของรัฐส่วนกลาง รวมทั้งส่วนภูมิภาค
และเพิ่มอำนาจ งบประมาณและทรัพยากรให้ท้องถิ่นดูแลตัวเองได้
แต่นโยบายผู้ว่าซีอีโอเป็นแนวคิดบริหารงานธุรกิจเอกชนที่รวมศูนย์กลางอำนาจการจัดการไว้ที่ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทแต่เพียงคนเดียว
ยุคสมัยที่ใช้นโยบายนี้ เห็นได้ชัดว่าหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นหมดสภาพ ไร้เรี่ยวแรงและอำนาจต่อรอง
ตามมาด้วยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนถูกตัดขาด
มิหนำซ้ำในระบบนี้ยังเอื้อต่อการที่ให้ผู้ว่าซีอีโอกลายเป็นเครื่องมือของการเมือง เป็นกลไกในการรวบอำนาจ
พูดอีกนัยหนึ่งนี่คือการขยายอำนาจของรัฐส่วนกลางไปสู่รัฐภูมิภาคให้มันกว้างขึ้น
ในบางกรณีเท่ากับเป็นการให้ผู้ว่าคนเดียวบริหารชีวิตของประชากร 700,000-800,000 คน
ไม่ต้องสงสัยว่าหลายคนมองว่านี่เป็นมรดกตกทอดจากรัฐบาลทักษิณ
ซึ่งปรับบทบาทผู้ว่าฯเป็นเสมือน “ผู้จัดการของจังหวัด” แบบค่อนข้างเบ็ดเสร็จ
แต่ต้องตระหนักว่า พ.ศ. นี้ไม่เหมือนช่วงปี 2544-49 ที่นายกฯทักษิณนำมาใช้
สมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลมีเดียที่สามารถกระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็วฉับพลัน ข้อมูลมีท่วมท้น และการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐทำได้โดยประชาชนตลอดเวลา
ทุกวันนี้ประชาชนการศึกษาดีขึ้น ทื่สำคัญคือมีความตื่นตัวในสิทธิและหน้าที่ของตนมากขึ้น
อีกทั้งความต้องการของประชาชนก็สูงขึ้น
ในอดีตสังคมอาจต้องการแค่ปัจจัย 4 แต่ปัจจุบันเสียงเรียกร้องต้องการมีทั้งเรื่องการอยู่ดีกินดี เรื่องของสุขภาวะทั้งกายและจิตใจที่สูงขึ้น
สิ่งที่เราจะตอบการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นและหลากหลายขึ้นในปัจจุบันคือ การกระจายอำนาจ ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น ตอบสนองความต้องการของประชาชน
นโยบายที่ให้ผู้บริหารสูงสุดคนเดียวมาทำหน้าที่แบบมีอำนาจเบ็ดเสร็จย่อมย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทุกวันนี้
โดยเฉพาะเมื่อผู้คนต้องการลดความเหลื่อมล้ำและเรียกร้องความเสมอภาคกันมากขึ้น
มิใช่ปกครองแบบข้างบนมาข้างล่างแบบเดิมอีกต่อไป
หากแต่ต้องการให้มีการบริหารในแนวระนาบมากกว่าทางดิ่ง
ซึ่งผู้ว่าซีอีโอไม่อาจจะตอบสนองความต้องการเช่นนี้ได้อีกต่อไป
ในท้ายที่สุดต้องตอบคำถามให้ได้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดยึดโยงกับใคร?
จะยังถูกสั่งการจากอำนาจชั้นบนหรือจะให้ยึดโยงกับเสียงของประชาชนที่เลือกเข้ามา
แนวคิดผู้ว่าฯซีอีโอก็คือการกระจายอำนาจจากผู้มีอำนาจใหญ่กว่ากระจายลงมาให้ผู้ว่าฯ
ในขณะที่สภาพความเป็นจริงบอกเราว่าประชาชนต้องการให้มีการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นมากกว่า
แม้ย้อนกลับไปสมัยนายกฯทักษิณก็มีปัญหาการกระจายงบประมาณไม่เป็นธรรม ไม่ทั่วถึง
เกิดระบบอุปถัมภ์ค้ำชูในเกือบทุกท้องที่ จังหวัดใดที่ไม่ได้เลือกพรรคที่เป็นรัฐบาลก็ถูกเพ่งเล็งและได้รับการสนับสุนล่าช้าและน้อยกว่าจังหวัดที่รัฐบาลมองว่าเป็น “พวกเรา”
วันนี้ คำถามใหญ่สำหรับนายกฯเศรษฐาก็คือทำไมตอนหาเสียงพูดถึงเลือกตั้งผู้ว่าฯ
แต่วันนี้กลายเป็น “ผู้ว่าซีอีโอ”
ไม่เพียงแต่ไม่ตรงปก แต่ยังเป็นการเดินถอยหลังครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


