เรื่องของ...มุมมอง

เหตุโศกนาฏกรรมเกิดที่สยามพารากอน ด้วยฝีมือของเด็กชายวัยแค่ 14 ปี กลายเป็นประเด็นที่มีการอภิปราย ถกเถียง วิเคราะห์วิจารณ์ต่างๆนานาในสังคมไทย จนถึงขั้นมีดรามาในหลายๆบริบทบนโลกโซเชียล

มนุษย์พ่อแม่ผู้ปกครอง กับมนุษย์เยาวชนวัยรุ่นราวคราวเดียวกับ "เด็กชาย" มือปืน ดูเหมือนจะมีความคิดเห็นแยกแยะที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะประเด็นเหตุผล แรงจูงใจ ในการกระทำอันอุกอาจฉกาจฉกรรจ์จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

แต่ประเด็นที่เห็นเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคงไม่พ้นความรู้สึกที่เห็นว่า กฎหมายให้ความคุ้มครองคนกระทำความผิดมากจนน่าผิดหวัง

จึงไม่แปลกใจอะไรที่หลายคนถามหาสิทธิการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของผู้ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้   

ถกเถียงกันไปยังไม่มีข้อสรุป เพราะกระบวนการสืบสวนสอบสวนยังต้องดำเนินการกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม จะห้ามมิให้ทุกคนในสังคมพูดกันเรื่องนี้ หรือเสาะแสวงหาข้อมูลมาส่งเสริมสนับสนุนความคิดของตนเองนั้นคงยาก เพราะแต่ละคนก็มีมุมมองของตัวเอง ..อาทิ บ้างก็โทษว่า "เกม" เป็นแรงผลักดัน บ้างก็เชื่อว่า "พ่อแม่" รังแกเด็ก บ้างก็เห็นว่า "กฎหมาย" พกพาอาวุธปืน จนถึงระบบตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยในที่ชุมชนของเรายังหละหลวม ตรวจบ้างไม่ตรวจบ้างตามอำเภอใจเกินไป และ ฯลฯ

สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมีมุมมองที่แปลกแหวกแนวและน่าทำให้คนขัดใจมากยิ่งขึ้น เพราะผบ.ตร.บอกว่า "โชคดี" ที่มือปืนไม่ตาย ด้วยกรณีหรือเหตุการณ์แบบนี้มักลงท้ายด้วยการถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญหรือไม่ก็ฆ่าตัวตาย ความโชคดีแบบนี้หมายความว่า จะใช้มือปืนมาถอดบทเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในอนาคต

ก็ว่ากันไปต่างๆ นานา แต่สำหรับมนุษย์ป้าแล้ว มีมุมหนึ่งที่อยากเห็นค่ะ นั่นคือ ดีๆ ชั่วๆ ไม่ว่าเหตุผลแรงจูงใจคืออะไรก็ตาม พ่อแม่ของเด็กควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างน้อยที่สุดกล่าวคำ "ขอโทษ" ต่อครอบครัวของเหยื่อไปจนถึงสังคมไทย ที่ลูกชายของตัวเองได้กระทำการทำร้ายความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ สะเทือนไปถึงทั่วโลกแบบนี้

การหลบๆ ซ่อนๆ บอกว่า ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวนั้น น่าจะสายเกินไปแล้ว แต่ยังทันต่อสถานการณ์นะคะ หากเดินออกมา "ขอโทษ".

"ป้าเอง"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ของดี...ดับพิษร้อน

นาทีนี้ไปไหนมาไหน เสียงบ่นกันเซ็งแซ่ไม่พ้นเรื่องร้อน ..ร้อน..ร้อน อากาศทะลุ 40 องศาวันเว้นวันบ้าง เว้นสองวันบ้าง เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียว

วันหยุด...ไม่มีชดเชย

กลับไปเยือนเมืองจีนอีกครั้งเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากไปมาครั้งสุดท้าย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ทำบุญ..รู้รักษาสุขภาวะ

ยังคงอยู่วนเวียนอยู่ในเดือนเมษา.หน้าร้อน และเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลวันสงกรานต์ ที่คนไทยนิยมเข้าวัดเข้าวา เพื่อกราบสักการบูชาและสรงน้ำพระเพื่อเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่แบบไทย

ของฝาก..จากวัยอิสระ

ห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทย เชื่อว่าอย่างน้อยสัก 1 วัน เราจะต้องเข้าไปกราบเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ตามประเพณีอันดีงาม พร้อมๆ กับขอพรจากท่าน

ร้อน..ตับแตก

กรมอุตุนิยมวิทยาท่านประกาศว่า ระหว่างวันที่ 2-8 เมษายนนี้ ความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส