เสียงทักท้วงนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิตัลวอลเล็ตของรัฐบาลเศรษฐาดังมาจากหลายทิศหลายทาง
แต่ดูเหมือนกระทรวงการคลังก็ยังดึงดันเดินหน้ากับแนวทางนี้โดยอ้างว่าจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ล่าสุดนายกฯเศรษฐา ทวีสินยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกโครงการนี้ แต่รับปากว่าจะรับฟังความเห็นต่าง ๆ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การ “ปรับปรุงแต่งเติม” บ้าง
เสียงคัดค้านดังกระหึ่มจากนักวิชาการและนักธุรกิจ
ล่าสุดนักวิชาการและอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ลงซื่อยาวเหยียด (เริ่มด้วย 99 ชื่อซึ่งต่อมาเพิ่มเป็นกว่า 130 ชื่อเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา) ขอเสนอให้ยกเลิกโครงการนี้
มีเหตุผลตามหลักวิชาการว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย”
ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าแบ็งก์ชาติ ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิออกมาติติงอย่างเป็นทางการ
ยันว่า “ไม่ใช่ทุกคนต้องการเงินหนึ่งหมื่นบาท”
และเสนอว่าควรจะต้องแจกเงินแบบ “พุ่งเป้า” หรือ targeted มากกว่าเพราะจะใช้งบประมาณน้อยลงและไม่เปลืองเปล่า
อีกทั้งยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้มีปัญหาตรงการบริโภค หากแต่มีประเด็นเรื่องการลงทุนไม่เพียงพอมากกว่า
คุณกรณ์ จาติกวณิช, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ออกมาแสดงความกังวลอย่างเปิดเผยว่า
ในสภาวะที่ความมั่นใจนักลงทุนและนักธุรกิจสั่นคลอน ทางรัฐมนตรีช่วยคลังได้ออกมายืนยันว่านโยบายแจกเงิน 10,000 “จะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อแน่นอน”
คุณกรณ์ตั้งข้อสังเกตว่าปีนี้ ตลาดหุ้นไทยติดลบมากที่สุดในเอเชีย
ในขณะที่เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทไปตามคาด
และแนวโน้มสูงที่จะอ่อนค่าต่อไป
อดีตรัฐมนตรีคลังบอกว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประเด็นน่ากังวล และย้ำว่า
“ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากกว่า (เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน) คือภาวะหนี้ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ
และส่งผลต่อภาระดอกเบี้ยในช่วงที่ดอกเบี้ยก็สูงขึ้นมาก
ผลต่อวินัยการคลังจากการนำเงินกู้มาแจก
และผลต่อการแย่งสภาพคล่องจากระบบเศรษฐกิจ
“คิดกันให้ดีครับ”
ในขณะเดียวกัน
KKP Research ก็ประเมินว่านโยบายรัฐ ใช้งบ 3.6% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 1% ของ GDP อาจได้ไม่คุ้มเสีย
โดยแนะนำให้ช่วยเหลือแบบเจาะจง และปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อความยั่งยืน
ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3ถาบัน (กกร.) ที่แนะให้รัฐบาลแจกหมื่นดิจิทัล ต้องจำกัดกลุ่ม ชี้ช่องฐานบัตรคนจน 40 ล้านคน
กกร. ใช้ภาษานิ่มนวลอาจจะเป็นเพราะไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบทางการเมืองต่อตน
แต่เนื้อหาใจความของการนำเสนอเรื่องนี้ก็คือความกังวลว่านโยบายนี้กำลังจะสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจไทย
คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วยหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทยว่า
ได้หารือประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ประชาชน 56 ล้านคน ใช้วงเงินรวม 560,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ กกร.สนับสนุน
แต่ขอให้จำกัดเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย เช่น ใช้ฐานข้อมูลจากผู้ที่เคยได้รับสวัสดิการของรัฐในแอปพลิเคชันเป๋าตังประมาณ 40 ล้านราย ซึ่งรัฐควรพิจารณาข้อมูลเชิงลึกจากจุดนี้ด้วย
เพื่อนำงบประมาณที่เหลือประมาณ 160,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่เกินความจำเป็นนำไปบริหารจัดการน้ำแทน
“ กกร.เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายที่แจกเงินดิจิทัลที่รัฐบาลมองไว้ 56 ล้านคนนั้นควรจะจำกัดการสนับสนุนเพราะอย่างผม 3 คนที่แถลงข่าวอยู่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องรับ”
กกร. เสนอว่ารัฐบาลควรมองกลุ่มเป้าหมายที่ตอบโจทย์ เมื่อเราจำกัดการช่วยเหลือ และให้สนับสนุนใช้จ่ายสินค้าที่ผลิตในประเทศ (โลคัล คอนเทน)
ไม่เช่นนั้นบางส่วนอาจไปซื้อแต่สินค้านำเข้า
ส่วนวงเงินที่เหลือ ควรนำไปพัฒนาบริหารจัดการน้ำเพิ่มขึ้น
เพราะปีนี้น้ำใช้ได้จริง เดือนต.ค. 66 มีอยู่ 54% ต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปี 65 ที่อยู่ 66%
หากเกิดแล้งต่อเนื่องน้ำต้นทุนจะเหลือน้อยโดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่ต้องเร่งบริหารจัดการ” ประธานหอการค้ากล่าว
KKP Research บอกว่านโยบายแจกเงินหมื่นครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามหลายด้านถึงความเหมาะสม และต้นทุนที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายเหล่านี้ ว่า
(1) นโยบายแบบแจกเงินแบบเหวี่ยงแหที่มีต้นทุนสูงมีความเหมาะสมหรือไม่ ท่ามกลางข้อจำกัดด้านการคลังและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
(2) การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมีความคุ้มค่าเพียงใด มีประสิทธิมากน้อยเพียงใดภายใต้ข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง
(3) ผลได้ผลเสียของนโยบายในระยะยาวเป็นอย่างไร เพราะการใช้ทรัพยากรทางการคลังที่เน้นผลระยะสั้น และมีต้นทุนสูงเช่นนี้ จะสร้างข้อจำกัด ความเสี่ยงทางการคลัง และเศรษฐกิจ อีกทั้งอาจสร้างผลกระทบในทางลบ
เช่น การบั่นทอนวินัยทางการเงิน และการต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐ และผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัด
ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทได้ นอกจากนี้ ด้วยข้อจำกัด และความเสี่ยงทางการคลังที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ทรัพยากรมีเหลืออยู่น้อยลงในการจัดการกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญกว่าต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทได้ นอกจากนี้ ด้วยข้อจำกัด และความเสี่ยงทางการคลังที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ทรัพยากรมีเหลืออยู่น้อยลงในการจัดการกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญกว่าต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
จดหมายเปิดผนึกของกลุ่มอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์บอกว่าการแจกเงินหมื่นบาทนี้มีเหตุอันน่ากังวลว่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพและวินัยการเงินการคลังของแผ่นดิน
ในช่วงเดียวกันนี้เองก็มีความเห็นจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการเงินการคลังและธุรกิจออกมาแสดงความเห็นในทำนองเดียวกัน
ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ารัฐบาลไม่ควรจะดึงดันที่จะเดินหน้าเพื่อทำนโยบายนี้เพราะมีแต่จะสร้างปัญหาที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอน
ความจริงส่วนใหญ่ไม่ได้มีอคติกับรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย แต่ต้องการจะ “หาทางลง” ให้กับรัฐบาลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในขณะที่บ้านเมืองต้องการเดินหน้าฟื้นฟูประเทศในลักษณะที่ยั่งยืนและตอบโจทย์โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง
(พรุ่งนี้: เสียงที่นายกฯเศรษฐาอาจไม่ค่อยอยากได้ยิน แต่ต้องฟัง)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


