คำเตือนจริงเสมอ

เสียงคัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อื้ออึง และดังมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าอาจได้ไม่คุ้มเสีย

โดยเฉพาะการร่วมลงชื่อของนักเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศกว่า 100 คน เพื่อคัดค้านนโยบายดังกล่าว ซึ่งล้วนแต่เป็นระดับ 'บิ๊กเนม' ในวงการทั้งนั้น

และในจำนวนกว่า 100 คน เป็นถึงอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่าง ศ.ดร.เมธี ครองแก้ว ที่ทั้งร่วมลงชื่อ และออกมาเตือนรัฐบาลนายเศรษฐา

โดย อ.เมธี ถึงขั้นเตือนว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท  อาจซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2554

"รับจำนำข้าวก็รู้อยู่แล้วว่าจะเสียหาย แต่ก็ยังทำ เพราะฉะนั้น เมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้น ถึงไปไม่รอด ติดคุกกันเป็นแถว ดูแล้วมีขวางหมากเต็มไปหมด ผมก็ยังมองไม่ออกว่าเขาจะลุยไฟไปทำไม มีสิทธิ์ติดคุกกันเยอะเลยโครงการนี้ จริงๆ ผมไม่ได้พูดเล่นๆ หากอยากจะทำก็ทำ แต่รับรองเลยว่ามีผลแน่นอน" อ.เมธี เปรียบเทียบความอันตรายของทั้งสองนโยบาย

อย่างไรก็ดี แม้ปัจจุบัน อ.เมธี จะไม่ได้เป็นกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเงี่ยหูฟัง เพราะมีประสบการณ์ตรง

หากย้อนไปตอนสมัยจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ.เมธี นี่แหละ คือ กรรมการ ป.ป.ช.ที่ออกมาเตือนให้ระวังความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หากไม่มีการระงับยับยั้งความเสียหาย ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้พบการทุจริต

แม้หลังหมดวาระจาก กรรมการ ป.ป.ช.ไปแล้ว ก็ยังออกมาย้ำเรื่อยๆ กระทั่งวันหนึ่งเกิดการทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ก็เป็นจริงอย่างที่ อ.เมธี เตือนไว้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์คณะไต่สวน ที่มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน ได้มีมติชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เซ่นความเสียหายที่เกิดขึ้น

ส่วนครั้งนี้ไม่รู้ อ.เมธี จะแม่นอีกหนหรือไม่ แต่หน่วยงานรับผิดชอบรู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามก็ไม่เสียหายนะจ๊ะ.

ฌ.เฌอ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า

หนีแสงซะงั้น

ปกติไม่ใช่คนเดินหนีไมโครโฟน แต่เป็นประเภทวิ่งเข้าใส่ นักข่าวมีแรงถามแค่ไหน จะยืนตอบให้ทุกประเด็น สำหรับ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม