ความไว้วางใจที่อาจเปลี่ยนแปลง

จากสถานการณ์ความวุ่นวายด้านพลังงาน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์สงครามและราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวนก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องที่ยืดเยื้อและยาวนานสุดๆ แบบที่ยังไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ในบางกรณี จนเริ่มเกิดคำถามมาจากหลายภาคส่วนถึงความมั่นคงด้านพลังงานไทยแล้วว่ามีดีแค่ไหน และหน่วยงานที่ดูแลเฉพาะด้านอย่างสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) นั้นจะมีศักยภาพพอหรือไม่ หากยังเกิดความโกลาหลแบบนี้

ซึ่ง สกนช.เองก็ไม่ได้ปล่อยให้เรื่องเงียบ แถมออกมาเปิดเผยผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างเพื่อประเมินผลการรับรู้และความเข้าใจต่อการสื่อสารเกี่ยวกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย และพบว่าภาพรวมมีทัศนะเชิงบวกต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รับรู้และเข้าใจบทบาทกองทุนว่ามีส่วนช่วยลดผลกระทบ ทำให้ราคาพลังงานไม่แพงจนเกินไป

โดย นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการ สกนช. กล่าวว่า การจัดสำรวจครั้งนี้เพื่อประเมินผลการรับรู้และความเข้าใจความพึงพอใจจากการสื่อสารประชาสัมพันธ์การสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีการสำรวจ 528 รายจากกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ประชาชนทั่วไป สื่อมวลชน เครือข่ายองค์การภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ สกนช. ผู้ประกอบกิจการพลังงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดที่เป็นตัวแทนภูมิภาค

โดยภาพรวมโครงการสร้างองค์ความรู้และขยายผลให้เกิดทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจในภาคพลังงานไทย ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 3.65 คิดเป็น 73% และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า การรับรู้บทบาทหน้าที่อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.65 คิดเป็น 73% มีทัศนคติหลังจากได้รับข่าวสารจากการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.69 คิดเป็น 73.80% และมีความพึงพอใจต่อการดำเนินงาน ค่าเฉลี่ย 3.61 คิดเป็น 72.20%

โดยสรุปผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า การดำเนินการประชาสัมพันธ์ของ สนกช.เป็นเชิงบวก โดยเห็นว่า กองทุนน้ำมันฯ มีส่วนช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูง ทำให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาที่ถูกกว่าราคาตลาด ช่วยเหลือไม่ให้เกิดภาวะการขาดแคลนน้ำมัน และรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน

นอกจากนี้ล่าสุด สกนช.ยังได้ลงนามกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอีก 50,333 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเบิกตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้ ครั้งละประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากที่ผ่านมากองทุนได้ทยอยกู้ยืมเงินสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2566 แล้วประมาณ 55,000 ล้านบาท รวมสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน จำนวน 105,333 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก.ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2565

แต่อย่างไรก็ตาม ภารกิจของกองทุนก็ยังไม่จบ เพราะยังต้องติดตามสถานการณ์ด้านพลังงานอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของสงครามที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันได้มีมติเห็นชอบให้ตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 31.94 บาท/ลิตร คงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) 423 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ไปจนถึง 31 ธ.ค.66 ส่วนจะมีมาตรการต่อไปอย่างไรในปี 2567 คงจะขึ้นอยู่กับนโยบายจากกระทรวงพลังงานและรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่งมีการประเมินแล้วว่า การดูแลราคาพลังงานในส่วนของการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปจนถึงสิ้นปีดังกล่าวจะส่งผลให้กองทุนมีฐานะสุทธิติดลบประมาณ 1 แสนล้านบาท

โดย ณ วันที่ 8 ต.ค.2566 ฐานะกองทุนสุทธิยังคงติดลบอยู่ 68,327 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 23,322 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,005 ล้านบาท โดยยังมีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 141.22 ล้านบาท/วัน แต่มีเงินไหลออกจากการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลและ LPG 364.66 ล้านบาท/วัน ส่งผลให้ภาพรวมเงินไหลออกจากกองทุน 223.44 ล้านบาท/วัน หรือคิดเป็น 6,703 ล้านบาท/เดือน

 “เราได้ประเมินราคาดีเซลไว้แล้วถึงสูงสุด 130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นกรอบเงินกู้ที่เหลืออยู่ราว 5 หมื่นล้านบาทจึงเพียงพอดูแลทั้งดีเซลและ LPG ถึงสิ้นปี แต่ยอมรับว่าหากต้องดูต่อในปี 2567 อาจจะดูได้อีกราว 1-2 เดือนจากเงินที่มีอยู่ แต่ทั้งนี้คงต้องติดตามราคาพลังงานว่าจะมีทิศทางอย่างไรเป็นสำคัญ” แหล่งข่าวกล่าว

แบบนี้เองจึงทำให้ภารกิจของ สกนช.ยังต้องติดตามอย่างต่อเนื่องไม่แพ้สถานการณ์ความวุ่นวายของสงครามที่เกิดขึ้น แม้ที่ผ่านมาอาจจะได้รับความไว้วางใจจากหลายภาคส่วน เพราะฝีมือการดูแลพลังงานที่รวดเร็วและตรงประเด็น แต่ผลงานหลังจากนี้จะสามารถควบคุมและดูแลได้อย่างดีแค่ไหน เป็นเรื่องที่อาจจะต้องมาประเมินกันใหม่อีกครั้ง.

 

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หวังรัฐแก้ปมค้าชายแดน

การผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ดีนั้น จำเป็นต้องมองในทุกมิติและพัฒนาให้ครอบคลุม จะทิ้งใครหรืองานใดงานหนึ่งไว้ข้างหลัง จะเป็นตัวฉุดรั้งให้การเติบโตนั้นไม่ไปไหน

เร่งแก้ “แต่ไร้ผล”

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นประเด็นที่พูดถึงกันมานานหลายปี โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ที่เมื่อความกดอากาศสูง มีกำลังอ่อนลง และเมื่อลมสงบ ประกอบกับการผกผันกลับของอุณหภูมิในอากาศ จะส่งผลทำให้เกิดสภาพอากาศร้อนด้านบนกดทับอากาศเย็นเหมือนมีฝาครอบ

จับตาบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง

ช่วงนี้หลายคนกำลังสงสัยว่าเพราะเหตุใดค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าเอา อ่อนค่าเอา ตอนนี้ราคาหลุดทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว แม้จะมีการแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า

Digital Walletกระตุ้นค้าปลีกไม่แรง

“โครงการ Digital Wallet” เรียกว่ามีความชัดเจนจากฝั่งรัฐบาลพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไขทั้งในส่วนของประชาชนและร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความชัดเจนในส่วนนี้ก็ยังมีการตั้งคำถาม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเร่งหาวิธีการเพื่อพิสูจน์ความชัดเจน และเดินหน้าโครงการตามขั้นตอนและวิธีการภายใต้กรอบของกฎหมายที่ได้ยืนยันมาโดยตลอด

อัปเกรดอุตฯเหล็กรับมาตรการCBAM

การเดินหน้ามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) นั้น ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากของกลุ่มผู้ผลิต

'หนี้ครัวเรือน'แนวโน้มชะลอแต่สัดส่วนยังสูง

“หนี้ครัวเรือน” เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตา โดยจากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ระบุว่า ภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท