บันทึกหน้า 4

รัฐบาลกำลังเดินเข้าสู่หุบเหว มีประชาชนอยากให้เงินหมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะถือเป็นเงินก้อนโต สามารถพลิกชีวิตได้อย่างน้อยๆ ก็นานนับเดือน ขณะเดียวกันเสียงค้านนโยบายนี้ก็มหาศาล โดยเฉพาะผู้รู้ เพราะเกรงนโยบายนี้จะพาประเทศสู่หายนะ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลไม่มีหนทางที่จะถอยแล้ว ก็คงเดินหน้ากันต่อไป แต่จะเดินอย่างไรคือประเด็นสำคัญ เพราะหากพลาดหมายถึงพาชาติเสียหายไปด้วย

"เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่  จ.อุดรธานี มีผู้เฒ่าผู้แก่ผูกข้อมืออวยพร ท่ามกลางเสียงตะโกนของชาวบ้าน ขอเงิน 10,000 บาท นายกฯ ขอให้อดใจรอ ได้แน่นอนเดือนก.พ.ปีหน้า กลายเป็นการสร้างความสับสนตกลงแล้วแจกเมื่อไหร่กันแน่ เพราะ 3-4 วันก่อน "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง แถลงผลหารือที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

ว่ามีแนวโน้มจะต้องเลื่อนออกไปเป็นเดือน เม.ย.-พ.ค.67 ไม่ทันกรอบเดิมที่ตั้งไว้ 1 ก.พ. เนื่องจากต้องรอให้งบประมาณปี 67 เสร็จและเริ่มใช้ได้ก่อน  กลายเป็นว่านโยบายนี้เต็มไปด้วยความสับสนจากรัฐบาลเอง เพราะผู้รับผิดชอบยังไม่ตกผลึก อีกทั้งความยากในแง่กฎหมาย ที่อาจกลับมาเล่นงานรัฐบาลเองในอนาคต นโยบายนี้จึงต้องลุ้นในทุกประเด็น ...๐

"รสนา โตสิตระกูล" อดีตสมาชิกวุฒิสภา ตั้งประเด็นเงินดิจิทัลพรรคเพื่อไทยถึงทางตัน ไม่สามารถเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้แล้ว ใช่หรือไม่? โดยยกมติคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยเงินดิจิทัลของเพื่อไทยไม่สามารถนำไปหมุนเวียนหลายๆ รอบแบบเงินตราได้ ตามที่วินิจฉัยไว้ดังนี้

 “พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 จากการตีความการดำเนินนโยบายตามข้อกฎหมายฉบับนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า สามารถดำเนินนโยบายได้ ถ้าสามารถเก็บเงินหรือให้ร้านค้าที่รับเงินเป็นคนสุดท้ายเบิกเป็นเงินสดออกมาได้ภายใน 6 เดือน ตามระยะเวลาโครงการ ไม่ขัดกับกฎหมาย แต่ถ้าไม่เก็บกลับภายในระยะเวลาโครงการ และยังปล่อยให้มีการนำเงินดิจิทัลไปใช้จ่ายต่อจะถือว่าขัดต่อกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นสกุลเงินใหม่”

แต่ "นพดล เภรีฤกษ์" โฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อแก้ข่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามิได้มีการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ตามที่มีการนำเสนอข่าว เนื่องจากการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 นั้น มีการวินิจฉัยครั้งล่าสุดเมื่อปี 2550

นี่คือข้อปัญหาที่เริ่มจะงอกมาเรื่อยๆ  มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา 2501 บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ทำ จำหน่าย ใช้ หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ แทนเงินตรา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อ app หรือดิจิทัลเทคโนโลยีเป็นวัตถุหรือเครื่องหมายที่ไม่มีรูปร่าง การใช้แทนเงินตราจึงต้องห้ามตามมาตรา 9 ดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะอนุญาตให้ใช้แทนเงินตราไม่ได้ นี่คือเรื่องน่าปวดหัว ที่อาจทำให้นโยบายนี้ไม่ได้ไปต่อ ยังไม่นับว่าเอาเงินมาจากไหนซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัญหาใหญ่ ฉะนั้น ใครอยากได้เงินดิจิทัลวอลเล็ตอาจต้องทำใจไว้บ้าง เพราะมีโอกาสแท้งสูง ...๐

"นันทิวัฒน์ สามารถ" ดีกรีอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ชี้ทางสว่างกับทางไปคุกให้รัฐบาลเลือก ท้า “แน่ใจลุยเลย” แจกเงินดิจิทัลคนละหมื่น ใครจะท้วง ใครจะติงก็ไม่ฟัง หาว่าขัดขวางไม่ให้ประชาชนรวย ไม่มีใครห้ามแจกเงิน แจกคนจนไม่ใช่แจกทุกคน ยุให้แจกเงินสด ไม่ใช่เงินดิจิทัล ถ้าแน่ใจว่าเงินดิจิทัลทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีข้อห้าม ลุยเลย อย่ารอช้า นายกฯ ในฐานะรัฐมนตรีคลัง ทุบโต๊ะเลย จะเอาอย่างนี้ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ใครไม่กลัวติดคุก ยกมือเห็นด้วยไปเลย เงินยังไม่รู้จะเอามาจากไหน ยังเสกเงินมาไม่ได้ กู้เงินมาแจก มันก็แปลกดีนะ

"ส่วนข้าราชการประจำ ตัวใครตัวมัน ม.157 รอท่านอยู่ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง อยากเอาใจนักการเมือง เชิญเลย แต่ให้นึกถึงบุญทรงแอนด์เดอะแก๊ง คุกไม่ได้มีไว้ขังหมานะ สิบอกให้" นั่นคือเสียงที่ส่งมาจากอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ จะบอกว่าขู่ก็ได้ แต่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ให้ลองมองย้อนกลับไปดูที่ข้าราชการติดคุกแทน "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" กี่โหลแล้ว ถ้ายังไม่เข็ดหลาบก็เชิญรับใช้สุดลิ่มทิ่มประตูต่อไป ...๐

บทบาทหลังจากนี้ให้จับตาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว มีมือปราบโกง "สุภา ปิยะจิตติ" เป็นประธานกรรมการ อีกไม่นานคงจะได้ข่าวดี ประเทศจะไม่ฉิบหายเพราะระบอบทักษิณซ้ำอีก ...๐

 

ณ ประชาชื่น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่ายังคงเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” อย่างต่อเนื่องทั้งในโลกความจริงและโลกเสมือน โดยเฉพาะในโซเชียลต่างๆ จาก การเสียชีวิตของ “น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม” หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” โดยงานนี้ใครสนใจที่มาที่ไปว่าทำไมบุ้งถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้

บันทึกหน้า 4

สหายอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ของขึ้น! หาว่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ข้าวสารค้างสต๊อก 10 ปีในโครงการจำนำข้าว เป็นการด้อยค่าโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง พร้อมขู่จะใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จัดการ

บันทึกหน้า 4

การดึงพืชกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แม้ฉากหน้าบรรดาแกนนำของสองพรรค “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย

บันทึกหน้า 4

เปิดบันทึกช่วงเวลาฝนตกฟ้าร้อง แม้ยังไม่ย่างเข้าเดือนหก แต่เสียงร้องระงมแซงเสียงกบ..อ๊บๆ ก็หึ่งไปทั่วว่าด้วยอีเวนต์กินโชว์ "ข้าว 10 ปี" กินได้กินดี แต่ลงท้ายกลายเป็น "ข้าวเน่า" ไปเสียฉิบ!! เพราะเกิดคำถาม "ได้ไม่คุ้มเสีย" ชื่อเสียงข้าวไทยป่นปี้เละเทะเป็นโจ๊กไปเรียบร้อยแล้ว

บันทึกหน้า 4

ปรับ "ครม.เศรษฐา 2" ไม่ทันไร ไขก๊อกไปแล้ว 2 ราย คนแรก "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" กลับโดนลดตำแหน่งโดยไม่แจ้งกันล่วงหน้า ทั้งที่เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงาน เจอวิถีการเมืองไร้มารยาทแบบนี้จำต้องโบกมือบ๊ายบาย

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่า “เศรษฐา 1/1” ดูฤกษ์พานาทีแล้วบอกได้คำเดียวว่าท่าจะอยู่ไม่ยาวเสียแล้ว แค่การถ่ายภาพหมู่บนสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าก็ยังเกิดเหตุต้องมาถ่ายภาพในตึกสันติไมตรีแทน